
หากมองให้ลึกถึงภาพใหญ่ของสังคมไทยในตอนนี้ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างประชากรที่กำลังเกิดขึ้นแบบเงียบ ๆ แต่ทรงพลัง
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2567 ระบุว่า คนวัยทำงานไทย (15–49 ปี) กว่า 40.5% เป็นคนโสด ทำให้การใช้ชีวิตคนเดียวกลายเป็นทางเลือกที่มีมากขึ้น สะท้อนถึงแนวโน้มที่เรียกว่า Solo Economy ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ชีวิต แต่รวมถึงการบริโภค การเดินทาง การเลือกที่อยู่อาศัย และการเข้าถึงบริการที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนที่ใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน สังคมไทยก็กำลังก้าวสู่การเป็น “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะกลายเป็น Super Aged Society หรือ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” โดยในปี 2573 ประชากรไทยกว่า 20% จะมีอายุเกิน 60 ปี และในปี 2593 ประชากรวัยทำงานจะหายไปกว่า 11 ล้านคน
เมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนตาม ทั้งนี้ “การอยู่อาศัย” คือหนึ่งในมิติสำคัญที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างชัดเจน

พฤติกรรมในการอยู่อาศัยของกลุ่มคนโสด ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเป็นส่วนตัว ปลอดภัย สะดวกสบาย และมีคอมมูนิตี้ที่มีคุณภาพและพร้อมให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งได้
ส่วนกลุ่มผู้สูงวัยให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความปลอดภัย และการมีระบบดูแลรองรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน พร้อมพื้นที่ที่เอื้อต่อสุขภาวะทั้งกายและใจ
ในฐานะผู้ให้บริการด้านบริหารจัดการที่อยู่อาศัย เราไม่เพียงมองถึงการดูแลโครงการให้ได้มาตรฐาน แต่ยังมองไปถึงคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัย ยิ่งในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงนั้นอยู่เสมอ
วันนี้จึงอยากจะขอแนะนำ 5 แนวทางในการจัดการโครงการที่อยู่อาศัย (Property Management) ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มคนโสดและผู้สูงวัย ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังต่อไปนี้
1. จัดการข้อมูลเชิงลึกของผู้อยู่อาศัย
เช่น บ้านไหนมีผู้สูงวัย ผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียว หรือมีภาวะต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยควรออกแบบเป็นระบบ Data Centre ที่สามารถอัปเดตข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ และใช้งานร่วมกันระหว่างทีมงานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อจัดเก็บ แต่เพื่อนำไปใช้ในการดูแลอย่างรู้บริบท
อาทิ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น การลื่นล้มหรืออาการเจ็บป่วยกะทันหัน ทีมงานที่มีข้อมูลอยู่แล้วจะสามารถเข้าถึงและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงและเพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกบ้านอย่างแท้จริง
2. ออกแบบพื้นที่และคอมมูนิตี้ให้ตอบโจทย์กลุ่ม Pet Parent
ทั้งคนโสดและผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน เลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกครอบครัว ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องออกแบบพื้นที่ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโซนสัตว์เลี้ยง สนามหญ้า ทางเดินเฉพาะ การจัดการขยะ รวมถึงกฎระเบียบที่ชัดเจนด้านความสะอาดและความปลอดภัย ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ
นอกจากนี้ การสร้างคอมมูนิตี้ผ่านกิจกรรมสำหรับกลุ่มคนรักสัตว์ เช่น บริการฉีดวัคซีน หรือ Mobile Grooming ภายในโครงการ ยังช่วยเติมเต็มความสุขและความผูกพันของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว
3. ส่งเสริมสุขภาพกายและใจให้ผู้อยู่อาศัย
อาจมีการร่วมมือกับสถาบันเพื่อสุขภาพหรือโรงพยาบาลในการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมด้านสุขภาพในโครงการ เช่น การคำนวณโภชนาการอาหาร การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างคอมมูนิตี้ที่ส่งเสริมสุขภาพภายในโครงการ เช่น กิจกรรมโยคะ ทำอาหารคลีน ออกกำลังกาย เป็นต้น
4. ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัย
ทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทและช่วยจัดการการอยู่อาศัยได้หลายส่วน หนึ่งในนั้นคือเรื่องความปลอดภัย คนที่ต้องอาศัยอยู่คนเดียว รวมถึงผู้สูงวัย จะสบายใจกับการอยู่อาศัยที่มั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยได้มากกว่า
การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เช่น ระบบ AI CCTV ช่วยให้สามารถตรวจจับความผิดปกติได้แบบเรียลไทม์ ลด human error และดูแลความปลอดภัยได้ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างที่พลัสฯ นำเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง LIV-24 มาใช้ในหลายโครงการเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจและอุ่นใจในความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย

5. พัฒนาทีมงานให้เข้าใจผู้คน สามารถรับมือเมื่อมีเหตุฉุกเฉินได้
ในงานบริหารจัดการที่อยู่อาศัย “คน” คือหัวใจสำคัญของการให้บริการ การมีทีมงานที่เข้าใจผู้อยู่อาศัย รู้ว่าควรช่วยเหลืออย่างไรในยามจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้สูงวัย หรือผู้ที่อยู่คนเดียว ควรมีการฝึกอบรมด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ประสานหน่วยฉุกเฉิน หรือแม้แต่ดูแลเบื้องต้นในสถานการณ์ไม่คาดคิดได้

ในอดีต มีคำกล่าวในการทำธุรกิจว่า “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” ก่อนจะเปลี่ยนเป็น “ปลาเร็วกินปลาช้า” แต่ในวันนี้ นิยามใหม่ที่ถูกต้องกว่าคือ “ใครเข้าใจผู้บริโภคก่อน คนนั้นมีโอกาสมากกว่า” ไม่ใช่แค่เร็ว หรือเป็นองค์กรใหญ่ แต่ต้อง “รู้ลึก” และ ออกแบบสินค้าและบริการได้ “เฉพาะเจาะจง” มากขึ้น
ธุรกิจที่สามารถแปลงข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคให้กลายเป็นบริการที่ Customize ได้ตรงกับความต้องการรายบุคคล (Personalize) คือธุรกิจที่จะเติบโตได้ดีในยุคนี้
ยิ่งในธุรกิจ Property Management ที่มี touchpoint กับลูกค้าโดยตรงอยู่ตลอด ยิ่งต้องปรับตัวอยู่เสมอ ทั้งนี้เพื่อส่งมอบบริการที่มีคุณภาพที่เข้าใจลูกค้าได้มากที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รับมือ PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ เคล็ดลับเพื่อความปลอดภัยในบ้าน อาคารสำนักงาน และอาคารพาณิชย์
- 4 การเปลี่ยนแปลงในการดูแลที่พักอาศัยรับเทรนด์ Sustainable Living
- เคล็ดลับการควบคุมคุณภาพน้ำประปาในอาคารที่พักอาศัยให้สะอาดและปลอดภัย
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญบริการอสังหาฯ ครบวงจร ที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ บริหารงานนิติบุคคลคอนโด หมู่บ้าน อาคารสถานที่ ที่ปรึกษางานขายโครงการ และตัวแทนซื้อ ขาย เช่า คอนโดมือสอง ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 25 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 688 7555 หรือ plus.co.th/contactus
ค้นหาบริการเพิ่มเติม: บริหารงานนิติบุคคลคอนโด, บริหารอาคารสถานที่, ที่ปรึกษางานขายโครงการ, ตัวแทนซื้อ ขาย เช่า คอนโดมือสอง , LIV-24 ศูนย์สังเกตการณ์ระบบรักษาความปลอดภัยหาข้อมูลคอนโดที่คุณต้องการได้ที่นี่: คอนโดสุขุมวิท, คอนโดให้เช่า, คอนโดจตุจักร, ขายคอนโด, คอนโดทองหล่อ, ทรัพย์สินรอการขาย, คอนโดพระราม 4, ระบบรักษาความปลอดภัย, บ้านหรู, คอนโดหรู


