คอนโด
บ้านเดี่ยว
อพาร์ทเม้นท์
ทาวน์โฮม
ที่ดิน
โรงแรม
ออฟฟิศ
โรงงาน

พลัสฯ พารู้ IOT โซลูชันใหม่ของระบบรักษาความปลอดภัย ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยยุคใหม่

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในปัจจุบันไม่ว่าเราจะทำอะไรหรืออยู่ที่ไหน แทบจะทุกสิ่งถูกขับเคลื่อนด้วยอินเทอร์เน็ตทั้งสิ้น ด้วยการเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมากในยุคนี้ จึงทำให้เกิดพัฒนาการการปรับใช้อินเทอร์เน็ตในด้านต่างๆ ที่นอกเหนือจากการเป็นตัวกลางรับส่งข้อมูลเพื่อการสื่อสาร ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคของ Internet of Things (IoT) ที่ทุกอย่างสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้ขีดจำกัด

หนึ่งในนั้น คือ การที่ IoT ถูกนำมาพัฒนาเชื่อมต่อให้เกิดระบบอำนวยความสะดวกภายในครัวเรือน ตั้งแต่อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวี ตู้เย็น หรือแม้กระทั่งเครื่องชงกาแฟ เพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานได้มากขึ้น

ที่ก้าวล้ำไปกว่านั้นคือ การนำมาพัฒนาเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและป้องกันภัยให้กับผู้อยู่อาศัยและทรัพย์สินภายในที่พักได้มากขึ้น IoT จึงถือเป็นโซลูชันใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจับตา

ดังนั้นมารู้จัก IoT คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง และการนำมาใช้เพื่อสนองความต้องการของลูกบ้านยุคใหม่ได้อย่างไร

  IoT คือ?

IoT มาจากคำว่า Internet of Things คือ สัญญาณเครือข่ายที่เชื่อมต่อสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน ด้วยอินเทอร์เน็ต เซนเซอร์ โปรแกรม หรือเทคโนโลยีอื่นๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ระบบ ที่เชื่อมหากันติดต่อ แลกเปลี่ยน ถ่ายโอนข้อมูลกันได้ผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต

คำว่า Internet of Things หรือ อินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่งนั้น ได้อ้างอิงมาจาก Kevin Ashton ผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีของอังกฤษ บุคคลสำคัญที่ร่วมก่อตั้ง Auto-ID Center ที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ซึ่งสร้างระบบมาตรฐานระดับโลกอย่าง RFID และเซนเซอร์อื่นๆ โดยเขาเป็นผู้ที่ใช้คำว่า Internet of Things  เป็นครั้งแรกในการบรรยายโปรเจกต์สำคัญดังกล่าว

และเขาก็ได้ให้คำนิยามไว้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดก็ตามที่สามารถสื่อสารกันได้ก็ถือเป็น “Internet-Like” หรือก็คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สื่อสารได้แบบเดียวกับระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งคำว่า “Things” ในที่นี้เป็นการใช้แทนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ว่านั่นเอง

  การใช้งาน IoT ในปัจจุบัน

ปัจจุบันได้มีการนำ IoT มาใช้งานในแทบจะทุกด้านในวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ จนทำให้เราคุ้นเคยผ่านคำว่า Smart คำที่นำหน้ากับการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ด้วย IoT ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้ในชีวิตประวันอย่าง อุปกรณ์ Smart Gadget ต่างๆ หรือระบบควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้าน และระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะอย่าง Smart Home รวมถึง Smart City และ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Grids เป็นต้น

หรือจะเป็นการนำไปใช้ในระดับอุตสาหกรรม (Industrial Internet of Things) ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการนำ IoT มาพัฒนาเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อสร้างทางเลือกการใช้งานที่ง่ายขึ้นให้กับผู้บริโภค เช่น เทคโนโลยี Connected Car ในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ หรือในวงการอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่าง Connected Health Digital Health หรือ Smart Health ด้วย

และยังรวมไปถึงการนำมาใช้กับการเกษตรในรูปแบบของ Smart Farm ที่กำลังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

  ประโยชน์ของ IoT

  1. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น: ด้วยคุณสมบัติของ IoT ที่สามารถเก็บข้อมูล ประมวลผล ส่งผ่าน และแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถรองรับข้อมูลในปริมาณมหาศาลได้ IoT จึงมีความแม่นยำและทำงานได้รวดเร็วกว่าการทำงานของมนุษย์ที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง ทำให้ IoT สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานใดๆ ก็ตามให้เพิ่มมากขึ้นได้
  2. อำนวยความสะดวกในการทำงานยิ่งขึ้น: อีกประโยชน์เด่นของ IoT คือเพิ่มความสะดวกในการทำงานและการใช้งานต่างๆ เพราะเทคโนโลยีสามารถทำงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพได้ในส่วนที่เป็น Routine ทำให้ผู้ใช้เทคโนโลยี IoT มีเวลาทำงานในด้านอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อีกขั้นหนึ่งด้วย
  3. ทำงานได้โดยปราศจากข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่: ด้วยการทำงานผ่านเครือข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ต IoT จึงไร้ข้อกำจัดทางด้านสถานที่และเวลา ยกตัวอย่างเช่น การทำงานในระบบความปลอดภัย IoT สามารถตรวจจับ เฝ้าระวัง และแจ้งเตือนการรุกล้ำของที่พักอาศัยต่างๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงช่วยเสริมความมั่นใจในความปลอดภัยได้เพิ่มมากขึ้นจากการใช้แรงมนุษย์ในการเฝ้าระวัง
  4. เพิ่มความแตกต่าง น่าสนใจในกิจการให้กับผู้บริโภคหรือนักลงทุน: สำหรับผู้ผลิต การนำ IoT เข้ามาใช้งานไม่ว่าจะด้านใดของกิจการ ถือเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับกิจการหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ไม่น้อย ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่สูงของ IoT จึงสามารถสร้างความมั่นใจและดึงดูดให้กิจการมีความโดดเด่น ทันสมัยมากกว่า เช่น การใช้ IOT MANAGEMENT SYSTEM กับระบบรักษาความปลอดภัยในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายในที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ ซึ่งกำลังเป็นที่น่าจับตา

  เทคโนโลยี IoT กับระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับที่อยู่อาศัย

ด้วยประโยชน์หลายๆ ด้านของ IoT โดยเฉพาะช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จากการควบคุมอุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างง่ายดายผ่านเครือข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องควบคุมที่ตัวเครื่องโดยตรงผ่านปุ่มหรือสวิตช์อีกต่อไป ปัจจุบันจึงมีการนำระบบ IoT มาใช้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงการนำมาพัฒนาระบบความปลอดภัยภายในที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

สิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งของที่พักอาศัยไม่ว่าจะเป็น บ้านพักอาศัยแบบโครงการหรือคอนโดอีกประการเลยก็คือ ระบบรักษาความปลอดภัยที่นอกเหนือจากการดูแลความปลอดภัยทั่วๆ ไปบริเวณภายนอกโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือ รปภ. แล้ว

การมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมด้วยการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างระบบ IoT จะสามารถช่วยเพิ่มการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแจ้งเตือนเหตุที่มีความเสี่ยงต่อการบุกรุกหรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นภายในที่พักอาศัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เช่น การเชื่อมต่ออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยอย่าง กล้องวงจรปิด ประตูรั้ว การตรวจสอบและเตือนภัยด้วยเสียงแบบไร้สาย โดยสั่งการผ่านสมาร์ตโฟน เป็นต้น

  ระบบ IoT กับการนำมาใช้ในวงการอสังหาฯ

ปัจจุบันในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นคอนโด บ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮม ก็มีให้เลือกหลากหลายตามระดับราคา ที่ตั้งหรือทำเล ซึ่งนอกจากปัจจัยอื่นๆ ทั่วไปที่นำมาประกอบการพิจารณาเพื่อเลือกที่อยู่อาศัยในแบบที่เราต้องการมากที่สุดแล้ว ในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเป็นอีกเรื่องที่จำเป็นจะต้องให้ความใส่ใจมากเป็นพิเศษก่อนตัดสินใจซื้อ

เพราะอย่าลืมว่า เมื่อเราเลือกที่ใดที่หนึ่งแล้ว เราจะต้องอาศัยอยู่ไปอีกในระยะยาว ยิ่งในยุคของการใช้เทคโนโลยี การมีเทคโนโลยีในการอยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพมาช่วยอย่าง ระบบ IoT หรือ IOT MANAGEMENT SYSTEM จึงเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยยกระดับการรักษาความปลอดภัยในที่พักอย่างได้เปรียบที่สุด

โดยการนำระบบ IoT มาใช้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ได้บุกเบิกเข้ามาในวงการอสังหาฯ อย่างเป็นที่จับตาแห่งเดียวในตอนนี้คือ LIV-24

  อุ่นใจไปกับเทคโนโลยีดูแลความปลอดภัยอัจฉริยะ LIV24

LIV-24 บริการดูแลความปลอดภัยจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัย และระบบควบคุมอาคารเต็มรูปแบบแห่งแรกของวงการอสังหาฯ ไทย เพื่อการทำงานดูแลความปลอดภัยของส่วนกลางภายในอาคารอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ศูนย์ควบคุมตั้งอยู่ที่อาคารสิริแคมปัส ที่ทางพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ใช้บริหารจัดการด้านวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลในโครงการที่พักอาศัยในโครงการจากการพัฒนาร่วมกันกับทางแสนสิริ จากแนวคิดห้องปฏิบัติการทางทหาร หรือ War Room ที่มีรูปแบบการเฝ้าดูเหตุการณ์และรับคำสั่งการ เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

สู่ศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ด้วยการผสานเทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่อการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ อย่างอัจฉริยะ ให้มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ทุกคนรู้สึกอุ่นใจได้ตลอดการดำเนินชีวิตประจำวัน

  เจาะลึกระบบ LIV 24

LIV-24 คือ บริการดูแลความปลอดภัยจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัย และควบคุมอาคารเต็มรูปแบบ ที่ทาง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ และ แสนสิริ ร่วมกันจัดตั้งขึ้น เพื่อการทำงานดูแลความปลอดภัยของส่วนกลางภายในอาคารอย่างเต็มประสิทธิภาพ

สำหรับทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม สถานศึกษา คลังสินค้า โรงงาน และ Community Area ที่ช่วยให้พลัสฯ สามารถบริหารจัดการด้านความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการทำงานที่ครอบคลุมดังนี้

  • ตรวจสอบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติทาง CCTV – Video Analytics: ปลอดภัยมั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยระบบ CCTV – Video Analytics ใน  LIV-24 เพราะการทำงานด้วยระบบ Detect Monitoring ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และตรวจดูเหตุการณ์ต่างๆ ภายในอาคาร โครงการได้อย่างทั่วถึง ละเอียด และครบทุกมุม
  • Digital Fence รั้วอัจฉริยะ ที่ป้องกันได้มากกว่า: Digital Fence คือ ระบบป้องกันแนวรั้วอัจฉริยะที่คอยตรวจจับความผิดปกติได้ทั่วบริเวณโครงการ สามารถส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังศูนย์ควบคุม หากตรวจพบการบุกรุกจากทั้งบุคคลภายนอก และสัตว์เลื้อยคลานที่เป็นอันตราย ทำให้ผู้ดูแลหรือนิติบุคคลสามารถแก้ไขและยับยั้งการเกิดเหตุอันตรายได้ในทันที
  • Real-time Guard Tour เครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเจ้าหน้าที่: มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่มากยิ่งขึ้นกับ ระบบ Real-time Guard Tour ที่จะช่วยตรวจสอบสถานการณ์เดินตรวจตราตามจุดของ รปภ. ในโครงการแบบเรียลไทม์ หากมีการละเลยหน้าที่หรือการตรวจตราที่ไม่ทั่วถึงของเจ้าหน้าที่ทางศูนย์ควบคุมก็จะสามารถทราบได้ทันที
  • IOT FACILITY MANAGEMENT เทคโนโลยีการจัดการระบบวิศวกรรมส่วนกลาง: ไว้วางใจได้มากขึ้น เพราะนอกจากการเฝ้าระวังความปลอดภัยภายนอกแล้ว LIV-24 ยังได้ผสานระบบตรวจสอบความผิดปกติทางวิศวกรรมส่วนกลางอีกด้วย เพื่อการดูแลทั้งระบบสาธารณูปโภค และการแจ้งเตือนเหตุขัดข้องต่างๆ ทางระบบวิศวกรรมภายในอาคาร ระบบน้ำ ไฟ ต่างๆ ที่ทำงานด้วยการนำข้อมูลย้อนหลังของอุปกรณ์ต่างๆ มาวิเคราะห์ผ่านระบบ AI แจ้งเตือนไปยัง LIV-24 ทีมงานเพื่อตรวจสอบ และประสานไปยังโครงการเพื่อเข้าระงับเหตุทันที

ด้วยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะ IoT มาพัฒนาเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัย จึงทำให้ LIV-24 เป็นบริการดูแลความปลอดภัยที่ทำงานด้วยการใช้เทคโนโลยีผสานกับการทำงานร่วมกับมนุษย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จึงทำให้สามารถตรวจจับวิเคราะห์ประมวลผลได้แม่นยำ 100% ในระดับ Real Time

และทำการส่งสัญญาณเตือนให้เข้าตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นสำหรับโครงการที่พักอาศัย การใช้ระบบ IoT จึงถือเป็นโซลูชันใหม่ของระบบรักษาความปลอดภัย ที่จะตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ สร้างความอุ่นใจในการเลือกที่พักอาศัยได้มากขึ้น

*หมายเหตุ: เงื่อนไขการดูแลความปลอดภัยขึ้นอยู่กับ Features และ Package ที่โครงการเลือกใช้

𝐋𝐈𝐕-𝟐𝟒 บริการเทคโนโลยี ระบบสังเกตการณ์อัจฉริยะ เป็นเทคโนโลยีหนึ่งเดียวในไทยที่มีศูนย์ควบคุมฯ บริการครบวงจร ทำงานแบบไร้รอยต่อ เมื่อเกิดเหตุ ระบบจะประสานผู้เชี่ยวชาญเข้าระงับเหตุและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว สนใจรายละเอียดการติดตั้ง LIV-24 ในโครงการของคุณ  02 688 7555 หรือ plus.co.th/liv24

หาข้อมูลคอนโดที่คุณต้องการได้ที่นี่: คอนโดสุขุมวิท, คอนโดให้เช่า, คอนโดจตุจักร, ขายคอนโด, คอนโดทองหล่อ, ทรัพย์สินรอการขาย, คอนโดพระราม 4, ระบบรักษาความปลอดภัย, บ้านหรู, คอนโดหรู

บทความที่เกี่ยวข้อง

LIV-24 เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ เพื่อ Commercial Building แห่งอนาคต

อาคารเพื่อการพาณิชย์ หรือ Commercial Building เป็นธุรกิจอีกประเภทหนึ่งที่ถือว่ามีความหลากหลายตั้งแต่ลักษณะของอาคาร วัตถุประสงค์ในการใช้งาน เป็นสถานที่ประกอบกิจการ ธุรกิจการค้า ซึ่งมีการใช้งานพื้นที่สำหรับรองรับคนจำนวนมากที่หมุนเวียนเข้ามาใช้อาคารในแต่ละวัน อ่านเพิ่มเติม

“ระบบรักษาความปลอดภัยอาคารเพื่อการพาณิชย์” มอบความปลอดภัยให้พร้อมกับทุกคน

ทำความรู้จักกับระบบรักษาความปลอดภัยอาคารเพื่อการพาณิชย์ ที่ช่วยป้องกันและยับยั้งเหตุร้ายได้อย่างทันท่วงทีด้วย LIV-24 สร้างความไว้วางใจให้กับผู้ที่เข้ามาใช้งานได้อย่างปลอดภัย อ่านเพิ่มเติม

ป้องกันภัยแบบรอบทิศ ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน LIV-24

ในปี 2022 นับได้ว่าเป็นปีทองสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง โดยภาพรวมถือว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในปีนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังเผชิญกับปัญหาซบเซาจากพิษโควิด-19 มาอย่างยาวนาน เชื่อว่านักลงทุนหรือใครที่กำลังมองหาอสังหาริมทรัพย์ในฝันสักหลัง คงมีโครงการบ้านหรูในใจอยู่แล้ว  อ่านเพิ่มเติม

บทความที่เกี่ยวข้อง

แนะนำ 10 คอนโดมือสอง ติดรถไฟฟ้า คุ้มค่าแน่นอน | Plus Property

ตลาดคอนโดมือสองในปัจจุบันยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาที่คุ้มค่ากว่าโครงการใหม่ๆ ในทำเลเดียวกัน อีกทั้งการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ทำให้คอนโดมือสองใกล้รถไฟฟ้ามีความต้องการสูงขึ้น และกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับทั้งผู้อยู่อาศัยจริงและนักลงทุนอสังหาฯ หลายๆ คน และสำหรับใครที่สนใจคอนโดมือสองติดรถไฟฟ้า แต่ยังไม่มีตัวเลือกในใจละก็ ในบทความนี้ พลัสฯ จะมาแนะนำ 10 คอนโดมือสองติดรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น BTS, MRT หรือแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (Airport Rail Link, ARL) จะเลือกอยู่ก็สบาย หรือซื้อเก็บไว้ลงทุนก็คุ้มค่า คอนโดมือสองน่าสนใจอย่างไร ทำเลดี: คอนโดมือสองส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นใน ใกล้แหล่งงาน สถานศึกษา และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ราคาที่คุ้มค่า: เมื่อเทียบกับโครงการใหม่ในทำเลเดียวกันแล้ว โดยทั่วไปราคาคอนโดมือสองจะถูกกว่า 15-30% ขึ้นอยู่กับอายุโครงการและการดูแลรักษา เข้าอยู่ได้ทันที: คอนโดมือสองสามารถเข้าอยู่ได้ทันที ไม่ต้องรอการก่อสร้างเหมือนคอนโดโครงการใหม่ๆ มีห้องจริงให้ดู: ผู้ซื้อสามารถเห็นสภาพห้องจริงของคอนโดมือสอง ทำให้เห็นภาพรวมของห้องได้ชัดเจนกว่าห้องตัวอย่างของโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ไม่จำเป็นต้องต่อเติมเพิ่ม: ห้องคอนโดมือสองส่วนใหญ่ มักมีการตกแต่งห้องไว้อยู่แล้ว ช่วยให้ผู้ซื้อหรือผู้เช่าใหม่ประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณในการตกแต่ง 10 คอนโดมือสองติดรถไฟฟ้าที่น่าสนใจ 1. ไอดีโอ คิว พญาไท คอนโดมือสองระดับ High Rise 38 ชั้นใจกลางพญาไท ห่างจากรถไฟฟ้า BTS และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (Airport Rail Link, ARL) สถานีพญาไทเพียง 200 เมตร โดดเด่นด้วยจำนวนเพียง 76 ยูนิต มอบความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมห้องขนาดใหญ่และพื้นที่ส่วนกลางครบครัน ทั้งโซนเด็กเล่น ฟิตเนส ซาวน่า และสระว่ายน้ำ แวดล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน และแหล่งชอปปิงชั้นนำมากมาย เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง ยูนิตแนะนำ: 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 115.88 ตารางเมตร คลิก 2. ไลฟ์ แอท สุขุมวิท 65 คอนโดติดรถไฟฟ้า BTS สถานีพระโขนงเพียง 250 เมตร ตอบโจทย์การเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนสที่ได้มาตรฐาน โดยรอบโครงการเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร สำนักงาน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้าชั้นนำในย่านเอกมัย-พระโขนง มอบประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบครบวงจรในคอนโดอ่อนนุชแห่งนี้ ยูนิตแนะนำ: 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 42.0 ตารางเมตร คลิก 3. วันไนน์ไฟว์…

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ยืน 1 ผู้ให้บริการอสังหาฯ ครบวงจร คว้ารางวัล “Best Property Management” 2 ปีซ้อน | Plus Property

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ สร้างความสำเร็จอีกครั้ง! คว้ารางวัลในงาน Livinginsider Thailand Developer Awards 2025 สาขา “Best Property Management” สุดยอดผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและการรักษาคุณภาพในการส่งมอบบริการที่มีมาตรฐานและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง รางวัล Livinginsider Thailand Developer Awards 2025 จัดโดย Livinginsider ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ สำหรับการขาย-เช่าโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อตอกย้ำการสนับสนุนและยกย่องผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่สร้างผลงานโดดเด่น พร้อมทั้งมีส่วนสำคัญในการยกระดับมาตรฐานและขับเคลื่อนวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน กว่า 28 ปี ที่พลัสฯ ดูแล บริหารจัดการอสังหาฯ ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ทั้งคุณค่าในการลงทุนและการอยู่อาศัยที่มุ่งเน้นส่งเสริมคุณภาพชีวิต ปัจจุบัน พลัสฯ ดูแลโครงการทั้งสิ้น 440 โครงการ กว่า 100,000 ครอบครัว บนพื้นที่กว่า 20 ล้าน ตร.ม. ดูแลครอบคลุมทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและอาคารเชิงพาณิชย์ ให้บริการด้านนิติบุคคลคอนโดและหมู่บ้าน บริการตรวจอาคารและระบบวิศวกรรมอาคาร รวมถึง บริการพลัส คอนเซียจ ที่พาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการด้านการอยู่อาศัย เช่น แม่บ้าน ทำสวน ซักผ้า ล้างแอร์ ฯลฯ เพื่อส่งมอบบริการให้ถึงมือลูกบ้านอย่างง่ายดาย และสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีบริษัทในเครืออย่าง ลิฟ-24 (LIV-24) เข้ามาเติมเต็มการดูแลด้วยโซลูชันเทคโนโลยีอัจฉริยะ โดยใช้ AI (Artificial Intelligence) และ IoT (Internet of Things) ช่วยดูแลความปลอดภัยในทุกมิติ รวมถึงสามารถตรวจสอบเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยศักยภาพด้านการให้บริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร พลัสฯ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยมาตรฐานการทำงานระดับสากลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO ทั้งระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO 9001) ระบบบริหารทรัพยากรกายภาพ (ISO 41001) และระบบบริหารสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) โดยเป็นผู้ให้บริการรายแรกและรายเดียวที่สามารถบูรณาการมาตรฐานดังกล่าวครอบคลุมทุกโครงการได้อย่างครบถ้วน และยังมีสถาบันฝึกอบรม Plus Eduplex ที่ผลิตบุคลากรคุณภาพปีละกว่า 4,000 คน ซึ่งเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้พลัสฯ สามารถรักษามาตรฐานและคุณภาพบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน พลัสฯ ยังต่อยอดประสบการณ์และความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคสู่การพัฒนาบริการใหม่ เช่น “Plus Consultancy” ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการที่ปรึกษาเฉพาะเรื่องได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีทีมบริหารงานอยู่แล้ว แต่ต้องการคำปรึกษาเฉพาะส่วน นอกจากนี้ พลัสฯ ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้าน ผ่านการสร้างคอมมูนิตี้ที่ดีและมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยง การนำผักที่ปลูกภายในโครงการมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มอบให้ลูกบ้าน หรือกิจกรรม Waste To Worth ในการคัดแยกขยะ ซึ่งดำเนินต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่…

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดกลยุทธ์หนุนธุรกิจ Property Management โตต่อครึ่งปีหลัง | Plus Property

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มุ่งยกระดับการบริหารจัดการอสังหาฯ ด้วยกลยุทธ์ใหม่ครึ่งปีหลัง สร้างความมั่นใจจากลูกค้าด้วยคะแนนความพึงพอใจทะลุ 90% นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า หนึ่งในเทรนด์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คือ ‘กลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง’ (real demand) เป็นกำลังซื้อหลักที่ขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็น Game Changer จากอดีตที่กลุ่มนักลงทุนมีบทบาทสำคัญ ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์ต้องหันมาเน้นการสร้างโครงการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริง และมุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้คุณภาพ ไปจนถึงบริการหลังการขาย นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มลูกค้าที่เลือกคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยคนเดียวหรือคนโสด ให้ความสำคัญไม่เพียงแค่กับทำเลและงบประมาณที่เหมาะสม แต่ยังคำนึงถึงบริการหลังการขายด้วย เพราะต้องการความมั่นใจด้านความปลอดภัยและคุณภาพการดูแลหลังเข้าอยู่อาศัย เห็นได้ชัดว่าบริการหลังการขาย มีส่วนในการตัดสินใจซื้อและเป็นกุญแจสำคัญที่จะพลิกเกมการแข่งขันให้ธุรกิจอสังหาฯได้ในระยะยาว พลัสฯ เราในฐานะ Property Management ที่เป็นผู้ให้บริการจัดการด้านการอยู่อาศัย มุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อเนื่องเพื่อสามารถให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างในแต่ละยุคสมัย สะท้อนภาพความสำเร็จผ่านผลการประเมินความพึงพอใจจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยครึ่งปีแรกนี้ พลัสฯ สามารถคว้าคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าได้สูงถึง 90.8% เพิ่มขึ้นจากปี 67 ที่ได้คะแนน 90.1% และปี 66 ที่ได้คะแนน 89.4% สะท้อนถึงการรับฟังเสียงของลูกค้าและนำมาพัฒนาบริการได้จริง โดยมิติการบริการที่ลูกค้าให้คะแนนพึงพอใจสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การบริการของพนักงาน การให้ความช่วยเหลือของพนักงาน และการดูแลพื้นที่ส่วนกลาง สอดคล้องกับดีเอ็นเอของพลัสฯ ที่ยึดมั่นในมาตรฐานการบริหารและการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ พลัสฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้ดูแลโครงการต่อเนื่องยาวนาน โดยมีโครงการที่พลัสฯ บริหารต่อเนื่องเกิน 10 ปี ถึง 113 โครงการ ในที่นี้ มีโครงการที่ดูแลยาวนานมากกว่า 20 ปี ถึง 13 โครงการ โดยมีไฮไลท์ที่โดดเด่น เช่น โครงการบ้านไข่มุก ของแสนสิริ ที่พลัสฯ ดูแลมากกว่า 30 ปี มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 1,000% จากการดูแลรักษาและบริหารคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เปิด 6 กลยุทธ์หลัก เบื้องหลังความสำเร็จที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 1. ระบบการทำงานที่มีมาตรฐาน พลัสฯ ใช้มาตรฐานการทำงานระดับสากล ครอบคลุมทุกโครงการ 100% ทั้งการดูแลเชิงกายภาพเพื่อให้พื้นที่ส่วนกลางสวยงามและมีมูลค่าเพิ่มตามกาลเวลา การวางกฎระเบียบที่ชัดเจน การมีแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน มีทีมสนับสนุน เช่น ฝ่ายบัญชี ฝ่ายกฎหมาย และ Call Center คอยรับเรื่องร้องเรียน เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงอยู่เสมอ 2. มองเทรนด์ตลาด สร้างโมเดลและธุรกิจใหม่ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เรามองเทรนด์ตลาดและความต้องการของลูกค้าจากข้อมูลจริง และมองหาโซลูชันหรือบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้า เช่น โมเดลบริหารงานแบบ Pool Resource…

บทความที่เกี่ยวข้อง