แจกวาร์ปเบิ้มๆคาเฟ่เอกมัย รวมร้านน่านั่งดีต่อใจ ต้องไปโดน

(ขอขอบคุณภาพจากร้าน Kaizen Coffee) สายเที่ยวดูไว้ ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองนอกเมืองนา ก็หาคาเฟ่น่านั่งดีๆ ได้ไม่ต่างกัน เพราะที่เอกมัยนี้ เต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านที่ดีต่อใจมากมาย นับเป็นอีกหนึ่งย่านที่เป็นเป้าหมายสำคัญของสาย Cafe Hopping อยู่ตลอดเวลา แถมยังเดินทางง่าย เข้าออกสบาย ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสเส้นหลักสายสีเขียวเข้ม ย่านนี้จึงมีคาเฟ่และร้านอาหารดีๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ วันนี้พลัสฯ จึงพามาอัพเดทวาร์ปกันแบบเน้นๆ ร้านไหนเปิดใหม่ ร้านไหนยังเปิดอยู่ ว่าแล้วก็ตามมาดูกันเลยครับ เอกมัย…ย่านชิคๆ ของคนคูลๆ แหล่งไลฟ์สไตล์ที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เอกมัย ถือเป็นอีกย่านที่เต็มไปด้วย “ตัวจริง” ของหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร เวิร์คช็อปที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนหลักสูตรที่น่าสนใจมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นย่านที่ชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากมาย ด้วยทำเลที่ใกล้ทองหล่อ แต่ราคาที่ดินที่จับต้องได้มากกว่า เราจึงได้เห็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงต่างมาใช้ชีวิตและลงทุนในย่านนี้กันมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่เอกมัยเป็นย่านเก่าแก่ จึงยังมีบรรยากาศสบายๆ แบบบ้านๆ จากร้านรวงที่เปิดมาเนิ่นนานผสมอยู่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นย่านที่มีความหลากหลายไม่แพ้ย่านอื่นเลยจริงๆ คาเฟ่เก่าใหม่ รวมจุดเช็คอินที่ใช่ นั่งชิลได้ยาวๆ จากบริเวณปากซอยสุขุมวิท 63 และ สุขุมวิท 61 ไล่ไปจนถึงท้ายซอยเอกมัยก่อนไปถึงเพชรบุรี ลองมาดูกันว่า…มีที่ไหนบ้างที่ต้องไปตำ Babyccino คาเฟ่ใหม่เอี่ยมแต่งสวยสไตล์มินิมอล มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารให้เลือกหลากหลาย รวมถึงมุมถ่ายรูปสวยๆ ที่ชวนให้เข้ามา check-in อย่างช่วยไม่ได้ 📌: เอกมัย 12 ⏲: 8 AM – 6 PM คอนโดที่น่าสนใจใกล้ร้าน: XT Ekkamai, taka HAUS, The FINE Bangkok, CEIL by Sansiri ขอขอบคุณภาพจากทางร้าน One Ounce for Onion คาเฟ่เล็กๆ ที่มีเสน่ห์อยู่ที่การตกแต่งสไตล์ Loft มีความ minimal จากงานไม้ เหมาะแก่การมานั่งคิดงานเป็นอย่างยิ่ง และนอกจากเมนูอาหารแล้ว ที่นี่ยังคั่วกาเฟเอง ทำให้มีเมล็ดกาแฟให้เลือกสรรหลากหลาย ทั้งยังการันตีรสชาติได้อีกด้วย 📌: เอกมัย 12, ซอยปรีดี พนมยงค์ 37 ⏲: 9 AM – 6 PM คอนโดที่น่าสนใจใกล้ร้าน: XT Ekkamai, taka HAUS, The FINE Bangkok, CEIL by Sansiri ขอขอบคุณภาพจากทางร้าน Cafe Thieves and Bar อีกหนึ่งคาเฟ่ในซอยเอกมัย 12 ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะร้านนี้ ลิซ่า…

คู่มือกู้ร่วม เคล็ดลับและขั้นตอนที่ต้องรู้

ประเด็นสำคัญของบทความ การกู้ร่วมคืออะไร วิธีการกู้ร่วมซื้อคอนโด การเตรียมพร้อมเพื่อกู้ร่วมทำอย่างไร ที่อยู่อาศัยนับเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มนุษย์นั้นให้ความสำคัญ เชื่อว่าหลายคนคงเคยวาดฝันเกี่ยวกับการมีสินทรัพย์ร่วมกันกับคนรัก โดยเฉพาะเรื่องของที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะชาย- หญิง หรือชาว LGBTQ+ ก็ตาม หลายคู่ต้องการการมีสิทธิ์กู้ร่วมซื้อบ้าน กู้ร่วมซื้อคอนโดด้วยกัน  เพราะความสุขในชีวิตนั้นคือการที่เราได้อยู่กับคนที่รัก  ปัจจุบัน ในยุคที่เปิดกว้างและทุกคนเท่าเทียมกัน สมรสเท่าเทียม หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการ มีผลบังคับใช้ในวัน พฤหัสบดีที่ 23 มกราคม 2568 คำถาม: คู่รักหลายท่านอาจจะยังสงสัยอยู่ว่าตนเองและคนรักจะสามารถกู้ร่วมกันได้อย่างไรเมื่อไม่มีทะเบียนสมรสเป็นหลักประกัน คำตอบ: คือ ได้ เพราะข้อกำหนดการกู้ร่วมอนุญาตให้ทั้งคู่รักที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนสามารถยื่นกู้ร่วมกันได้ โดยสำหรับคนที่มีทะเบียนสมรส ก็สามารถถ่ายสำเนายื่นได้เลย แต่ในกรณีที่ไม่ได้จดทะเบียน ก็สามารถใช้หลักฐานอื่นที่แสดงถึงความสัมพันธ์ได้ เช่น ภาพถ่ายงานแต่ง หรือการ์ดแต่งงาน เพื่อให้ธนาคารพิจารณาได้ ด้วยเหตุนี้ คู่รัก LGBTQ+ ที่มีความพร้อมจึงสามารถยื่นกู้ร่วมกันได้เลย   การกู้ร่วมคืออะไร การกู้ร่วมก็คือ การขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินโดยมีบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปเข้าร่วมในฐานะผู้กู้ร่วมกัน ซึ่งทุกคนที่มีชื่อเป็นผู้กู้ร่วมจะมีส่วนรับผิดชอบในการผ่อนชำระและภาระหนี้สิน รวมถึงสิทธิในทรัพย์สินที่ได้จากการกู้ร่วม เช่น บ้านหรือคอนโด ข้อดีของการกู้ร่วม เพิ่มโอกาสในการได้วงเงินกู้สูงขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ แบ่งเบาภาระทางการเงิน ลดระยะเวลาการผ่อน ข้อควรระวังในการกู้ร่วม ทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบหนี้ร่วมกัน และการกู้ร่วมอาจมีผลกระทบต่อคะแนนเครดิตของผู้กู้ทุกคน หากเกิดการผิดนัดชำระ วิธีการกู้ซื้อคอนโดร่วมกัน คอนเซ็ปต์การกู้ร่วมกันของคู่รัก LGBTQ+ ไม่ได้แตกต่างจากคู่รักชาย-หญิงแต่อย่างใด การกู้ร่วมไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระทางการเงิน แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิตคู่ของคู่รัก LGBTQ+ อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมในสังคมอีกด้วย รายชื่อ 3 ธนาคารที่คู่รัก LGBTQIAN+ กู้ร่วมได้ 1.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดอกเบี้ยคงที่ 1 ปีแรก 1.99%* ฟรี ประเมินหลักประกันและค่าจดจำนอง สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย : อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกตลอดอายุสัญญาระหว่าง 4.194% – 5.800% ต่อปี* สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ : อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกตลอดอายุสัญญาระหว่าง 4.259% – 5.800% ต่อปี* ศึกษารายละเอียดเพิ่ม คลิก 2. ธนาคารยูโอบี อัตราดอกเบี้ยพิเศษ กู้ซื้อบ้านใหม่ และบ้านมือสอง
อนุมัติวงเงินกู้สูงสุด 100% อนุมัติค่าก่อสร้างสูงสุด 100% สำหรับกู้เพื่อปลูกสร้างบ้าน ศึกษารายละเอียดเพิ่ม คลิก 3. ธนาคารกสิกรไทย เป็นคู่รัก LGBTQIAN+ ที่อายุต้องไม่ต่ำกว่า 20 ปี และผู้กู้ต้องไม่เกิน 70 ปี มีผู้กู้ร่วมได้ไม่เกิน 3 คน และต้องมีความสัมพันธ์กัน โดยรวมถึงกรณีคู่สมรสไม่จดทะเบียนและบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันในลักษณะเพื่อน กรณีกู้เดี่ยว: รายได้ตั้งแต่ 15,000…

7 เรื่องสำคัญ ผู้เช่าคอนโดควรรู้

ประเด็นสำคัญของบทความ ก่อนเช่าคอนโดต้องรู้อะไร ความแตกต่างระหว่างผู้เช่า และเจ้าของคอนโดให้เช่า เอกสารและขั้นตอนสำคัญในการเช่าคอนโด   สำหรับผู้เช่าคอนโด หรือคนที่กำลังจะเช่า มีเรื่องน่ารู้หรือสำคัญอะไรบ้างที่ควรตระหนัก วันนี้พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนอสังหาฯ ชั้นนำของประเทศไทย มีคำตอบมาฝากทุกท่าน ผ่าน 7 เรื่องหลักสำคัญที่ผู้เช่าคอนโดควรรู้   1. รายละเอียดสัญญาเช่าคอนโด ก้าวแรกที่สำคัญของผู้เช่าคือการทำความเข้าใจสัญญาเช่าคอนโดโดย 2 ปัจจัยหลักที่ผู้เช่าควรรู้ ได้แก่ 1.1 ประเภทสัญญาเช่าคอนโด เหมือนกับการทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น ๆ การทำสัญญาเช่าคอนโดจะต้องทำออกมาตาม ‘เกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด’ เพื่อให้สัญญาเช่าของเรามีผลบังคับและได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายในยามที่อาจมีข้อพิพาทระหว่างกัน โดยคู่สัญญาจะต้องทำสัญญาภายใต้ เงื่อนไขระยะเวลา ดังนี้   1) สัญญาเช่าไม่เกิน 3 ปี คู่สัญญาที่เลือกทำสัญญาเช่าไม่เกิน 3 ปี (เช่น สัญญาเช่า 6 เดือน, 1 ปี เป็นต้น) โดยในการทำสัญญาจะต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร (หนังสือสัญญา) และมีการลงลายมือชื่อทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า  2) สัญญาเช่าเกินกว่า 3 ปี คู่สัญญาที่เลือกทำสัญญาเช่าเกินกว่า 3 ปีขึ้นไป (เช่น สัญญาเช่า 5 ปี, 10 ปี เป็นต้น) โดยในการทำสัญญาจะต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร (หนังสือสัญญา), มีการลงลายมือชื่อทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า, และต้องเดินทางไปจดทะเบียนต่อหน้าเจ้าหน้าที่กรมที่เดิน หากไม่มีการจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ แม้มีหนังสือสัญญา ก็จะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้เกินกว่า 3 ปีแรก 1.2 รายละเอียดสำคัญของสัญญาเช่าคอนโด ในการเซ็นสัญญาเช่าคอนโด ผู้เช่าควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าสัญญาที่ถูกร่างขึ้นมาประกอบด้วยรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้อย่างครบถ้วนหรือไม่ 1. รายละเอียดของผู้เช่าและผู้ให้เช่า ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, และการระบุอย่างชัดเจนว่าฝ่ายใดเป็น ‘ผู้เช่า’และ ‘ผู้ให้เช่า’ 2. รายละเอียดของทรัพย์สินที่เช่า หรือ รายละเอียดของยูนิตที่เช่า ได้แก่ เลขที่, เลขห้อง, และรายละเอียดที่อยู่ 3. ระยะเวลาการเช่า ระบุวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดสัญญาเช่า 4. รายละเอียดการชำระเงิน ได้แก่ เงินมัดจำและค่าเช่า สัญญาควรระบุจำนวนเงินมัดจำอย่างชัดเจน รวมทั้งเงื่อนไขการคืนและการยึด สำหรับค่าเช่า ควรระบุจำนวนอย่างชัดเจนเช่นกัน รวมทั้งวันกำหนดชำระ, วิธีการชำระ, และอัตราค่าปรับกรณีชำระล่าช้า 5. หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้เช่า เป็นระเบียบการและข้อกำหนดการเช่าและอยู่อาศัย 6. หน้าที่และความรับผิดของคู่สัญญากรณีผิดสัญญา ว่าด้วยระเบียบการปฏิบัติกรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญา ซึ่งอาจได้แก่ การยกเลิกสัญญาทันทีโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า, การยกเลิกสัญญาโดยไม่คืนค่ามัดจำ เป็นต้น 7. บันทึกทรัพย์สินและอุปกรณ์ หากการเช่าเป็นแบบพร้อมอยู่ (มากับเฟอร์นิเจอร์, ทีวี, ตู้เย็น ฯลฯ) ส่วนใหญ่ผู้ให้เช่าก็จะแนบบันทึกรายการดังกล่าวไว้ท้ายสัญญาเสมอ โดยผู้เช่าควรตรวจสภาพจริงของในลิสต์ หรือถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน 2. การซ่อมแซมและบำรุงรักษา ใครเป็นผู้รับผิดชอบ คำตอบก็คือ ทั้งสองฝ่ายมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน สำหรับเจ้าของห้อง แม้จะปล่อยให้เช่าแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมีนโยบายบำรุงรักษาห้องของตนเองอยู่เสมอโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายผู้เช่า เช่น กำหนดว่าจะล้างแอร์ให้ทุกสามหรือหกเดือนหรือจะเป็นผู้รับผิดชอบเปลี่ยนอุปกรณ์หรือวัสดุใดที่พบว่าเสื่อมสมรรถภาพภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด…

6 ขั้นตอนซื้อคอนโด รู้ก่อนไม่ต้องเสียเวลาอีกต่อไป

ประเด็นสำคัญของบทความ ข้อควรรู้ก่อนซื้อคอนโด ข้อควรรู้ระหว่างทำการซื้อคอนโด ตัวอย่างสัญญา และเอกสารที่ควรรู้ก่อนซื้อคอนโด   ในการจะซื้อคอนโดสักยูนิต ปัญหาใหญ่ที่มือใหม่หลายคนต่างพบเจอก็คือ เราแทบไม่รู้เลยว่าขั้นตอนการซื้อคอนโดมีอะไรบ้าง? หรือ ควรจะเริ่มตรงไหน? ยิ่งเมื่อลองค้นหาข้อมูลในโลกอินเทอร์เน็ต ก็ยิ่งสับสนกับตัวเลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อช่วง Pre-sale หรือ Re-sale หรือช่วงตึกเสร็จ เพื่อช่วยเสริมสร้างความเข้าใจให้กับบรรดามือใหม่ วันนี้ Plus Property ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมายาวนานกว่า 20 ปี มาพร้อมกับ ‘บทสรุปทุกขั้นตอนสำคัญ’ สู่การเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมในฝัน ถ้าพร้อมแล้วเราก็มาเริ่มกันเลย ก้าวที่ 1 ทำความเข้าใจประเภทการเลือกซื้อคอนโด ก้าวแรกที่สำคัญสำหรับมือใหม่คือการทำความเข้าใจประเภทการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมกันก่อน โดยเราสามารถแบ่งออกมาเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้ 1. การซื้อช่วงพรีเซล การซื้อคอนโดในช่วงพรีเซล (Pre-sale) คือการซื้อในช่วงแรกเริ่มสุดของโครงการ เป็นช่วงที่โครงการได้มีการออกแบบอาคารและเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้ทำการสร้าง หรืออยู่ในระหว่างการสร้าง เมื่อทำการซื้อในช่วงนี้ เราจะยังไม่ได้เห็นอาคารจริงในฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็มีข้อได้เปรียบในการซื้อจำนวนมาก เช่น โอกาสในการเลือกตำแหน่งยูนิตที่ดีก่อน มีโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสำหรับคนที่จองก่อน รายละเอียดในการเลือกซื้อคอนโดจะได้จากเอกสาร โมเดลจำลอง และการพูดคุย-สอบถามกับตัวแทนของโครงการ หากตกลงปลงใจก็จะเข้าสู่กระบวนการจอง, การทำสัญญาจะซื้อจะขาย, และการผ่อนดาวน์ ดังนี้   1.1 การจอง เพื่อยืนยันว่าเราจะซื้อห้อง (หรือ ยูนิต) ในตำแหน่งนี้ เราจะต้องทำการจ่ายเงินจอง โดยจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับทางโครงการกำหนด เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้ เราก็จะได้เป็นใบจองกลับมา ตัวอย่างสัญญา โดย baania.com 1.2 การทำสัญญาจะซื้อจะขาย หลังจากทำการจองเสร็จ กระบวนการต่อมาก็คือการเซ็น ‘สัญญาจะซื้อจะขาย’ ซึ่งก็คือการตกลงกันว่าจะไปทำการซื้อขายให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือก็คือการนัดโอนกรรมสิทธิ์กัน (ในอนาคต เมื่อวันที่คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จสมบูรณ์) โดยในส่วนนี้ก็จะมีค่าทำสัญญาเช่นกัน เป็นจำนวนที่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของโครงการ 1.3 การผ่อนดาวน์ เหมือนกับการซื้อบ้านและรถในการจะซื้อคอน ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินจำนวนหนึ่งก่อนจึงจะสามารถขอผ่อนเงินส่วนที่เหลือกับธนาคาร ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเราเรียกว่า ‘เงินดาวน์’ นั่นเอง โดยในการจ่ายเงินดาวน์ประเภทการซื้อพรีเซล ส่วนใหญ่ก็จะให้เราผ่อนตามระยะเวลาการก่อสร้าง หรือตามแต่ที่โครงการกำหนด 2. การซื้อช่วงรีเซล การซื้อคอนโดช่วงรีเซล (Re-sale) คือ การซื้อคอนโดเคยมีเจ้าของมาแล้ว ไม่ว่าการถูกซื้อแล้วดังกล่าวจะอยู่ในช่วงผ่อนดาวน์หรือในช่วงที่ถูกโอนกรรมสิทธิ์แล้วก็ตาม โดยสิ่งสำคัญที่ผู้ซื้ออาจต้องคำนึงถึงก็คือ ส่วนใหญ่ ‘การซื้อรีเซลในช่วงผ่อนดาวน์’ ก็คือช่วงที่คอนโดมิเนียม ‘ยังอยู่ในระหว่างการสร้าง’ จะยังไม่ได้เห็นตึกจริงก่อนทำการซื้อ แต่สภาพห้องที่ผู้ซื้อจะได้จะเป็นในสภาพมือหนึ่ง (เนื่องจากยังไม่มีการเข้าอยู่) ในขณะที่ ‘การซื้อรีเซลในช่วงที่ถูกโอนกรรมสิทธิ์แล้ว’ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่คอนโดสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว (จึงมีการโอนกรรมสิทธิ์กันได้) และอาจจะมีการเข้าอยู่ สภาพห้องก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ควรตรวจเช็คสภาพห้องเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ทั้งนี้ก็ไม่ได้แปลว่าผู้ซื้อ (ในลักษณะที่โอนกรรมสิทธิ์เสร็จสิ้นดังกล่าว) จะต้องเคยเข้ามาอยู่ห้องเสมอไป เพราะบางรายก็อาจจะซื้อในลักษณะนักลงทุน (เก็งกำไร) ดังนั้นสภาพห้องที่จะได้ก็จะยังคงเหมือนใหม่ ในการซื้อคอนโดรีเซลหรือคอนโดมือสอง ผู้ซื้อจึงอาจจะต้องศึกษายูนิตที่ตนเองจะซื้อก่อนอย่างถี่ถ้วน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ผู้ที่จะสามารถให้คำแนะนำและนำเสนอตัวเลือกโครงการที่เหมาะสมกับเม็ดเงินและความต้องการของคุณ 3. การซื้อคอนโดที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว คือการซื้อคอนโดที่ก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว มีห้องตัวอย่างให้ชม และพร้อมเข้าอยู่ เป็นการซื้อโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและโครงการ ไม่ใช่ในลักษณะซื้อต่อแบบในประเภทรีเซล ก้าวที่ 2 เลือกทำเลหรือโครงการที่โดนใจ…

ถอดรหัส Sansiri Luxury Collection ความสำเร็จที่มากกว่าทำเล

เมื่อพูดถึงอสังหาฯ ระดับ Luxury ไม่ว่าจะบ้านหรู หรือคอนโดหรู เรามักนึกถึงเรื่องทำเลเป็นหลัก แต่อะไรที่ทำให้ Sansiri Luxury Collection ก้าวไปได้ไกลกว่านั้น และประสบความสำเร็จในเวลาเพียงไม่กี่ปี อีกหนึ่งความภาคภูมิใจและความสำเร็จของแสนสิริในช่วงนี้ที่ยากจะไม่เอ่ยถึง คือการปิดการขายทั้งบ้านหรู และคอนโดหรู จาก Sansiri กับโครงการอย่าง 98 Wireless และ Baan Sansiri Pattanakarn หนึ่งในโครงการระดับไฮเอนด์ของ Sansiri Luxury Collection ที่ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์ และแม้ดูจากทำเลที่ตั้งอาจทำให้เรารู้สึกไม่แปลกใจจากผลตอบรับที่เกิดขึ้น แต่แท้จริงแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ทั้งสองโครงการได้ก้าวมาถึงจุดนี้ จากความภาคภูมิใจ สู่คุณค่าที่เหนือกาลเวลา กว่า 15 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัว Baan Sansiri Sukhumvit 67 โครงการ Flagship แห่งแรกจากแสนสิริ ที่ปัจจุบันมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ด้วยการดูแลจาก Plus Living Management ที่เป็นมากกว่านิติโครงการ แต่ใช้ “ใจ” ในการดูแลทุกมิติของการใช้ชีวิต ส่งผลให้ภาพรวมของโครงการ Baan Sansiri Sukhumvit 67 ยังคงดูใหม่ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่พัฒนาโครงการแล้วเสร็จ ด้วยเหตุนี้ Baan Sansiri Pattanakarn จึงเป็นที่จับตามองเป็นพิเศษ คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่านี่คืออีกหนึ่งในความภาคภูมิใจของแสนสิริที่เกิดขึ้นจากความรัก ที่ถูกสะท้อนผ่านการออกแบบสไตล์ British Regency บนทำเลศักยภาพกลางเมือง ทุกรายละเอียดจึงผ่านการสร้างสรรค์อย่างดีที่สุด เห็นได้ชัดจากชื่อของ Club House ว่า 36 Courtyard สำหรับลูกบ้านทั้ง 36 ครอบครัว ที่เปรียบได้กับหัวใจหลักของโครงการแห่งนี้ ในขณะที่โครงการ 98 Wireless ถือเป็นโครงการ Flagship อีกแห่งบนที่ดิน freehold ผืนสุดท้ายของถนนวิทยุ ภายใต้ปรัชญา The Best Comes as Standard ด้วยระยะเวลาในการพัฒนาถึง 7 ปี โครงการนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงที่พักอาศัย แต่ยังเปรียบได้กับงานศิลปะล้ำค่า ที่หายากและเหนือกว่าคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ทั่วไป การดูแลจึงต้องได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ หากการสร้างบ้าน คือ การสร้างชีวิตแล้ว การดูแลรักษาบ้าน จึงเปรียบเสมือนการเติมเต็มให้ชีวิตมีความสุข ทีมงาน Plus Living Management ที่จะเข้ามาดูแลโครงการไฮเอนท์จะต้องผ่านหลักสูตร “ภัณฑารักษ์ ศิลปะการดูแลทรัพย์สินมูลค่าสูง” ที่ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากร มาให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปวัตถุ วัสดุและทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง…

10 วิธีซ่อมแซมของใช้ในบ้านแบบง่ายๆ ไม่ต้องง้อช่าง

ที่อยู่อาศัยของเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคอนโด ย่อมมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นบ้าง เมื่อเวลาผ่านไปข้าวของอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านหรือคอนโดเรา ก็ย่อมเสื่อมสภาพไปตามเวลาและการใช้งาน จึงต้องมีการเปลี่ยนของใหม่ หรือซ่อมของเก่าที่มีอยู่เป็นธรรมดา แต่ในบางครั้งการซ่อมแซมอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่จำเป็นจะต้องรอช่างเสมอไป หากเรารู้วิธีการซ่อมที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายไปในตัว ส่วนปัญหาสุดเบสิคที่แทบทุกบ้านอาจพบเจอ คงจะหนีไม่พ้น แอร์ไม่เย็น ฝักบัวไหลไม่แรง เปลี่ยนสายชำระ ตั้งรหัสประตูดิจิตอล ชักโครกตัน ท่อน้ำตัน เปลี่ยนหลอดไฟ ตู้ไขไม่แน่น รวมถึงความยากในการทำความสะอาดร่องประตูเล็กๆ ฯลฯ แต่วันนี้ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป เพราะพลัสฯ มี 10 วิธีซ่อมแซมของใช้ในบ้านแบบง่ายๆ มาบอกต่อ ที่คุณเองก็สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรอช่างให้กังวลใจมาฝากกันครับ 1. วิธีปรับแอร์ยังไงให้เย็น ทำไมแอร์ไม่เย็น?!! ปัญหาแอร์ไม่เย็นคงจะเป็นปัญหากวนใจสุดฮิตของหลายๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน ก่อนอื่นเลยต้องกลับมาดูที่การตั้งค่าของรีโมทแอร์ก่อนว่าเราเลือกโหมดการทำงาน (MODE) ไว้ถูกต้องแล้วหรือยัง ทีนี้มารู้จักแต่ละโหมดกันก่อน โหมด Auto หรือ โหมด I FEEL หากเลือกโหมดนี้แอร์จะตั้งอุณหภูมิและความเร็วพัดลมโดยอัตโนมัติ ระบบจะเป็นฝ่ายกำหนดอุณหภูมิและความเร็วพัดลมให้เอง ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิห้องที่เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิตรวจพบได้ในขณะนั้น โหมด Cool หรือโหมดทำความเย็น เป็นโหมดการทำงานที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยเมื่อกดปุ่ม แอร์จะเข้าสู่รูปแบบการทำงานสำหรับทำความเย็น และคงระดับอุณหภูมิให้อยู่ในขอบเขตที่เรากำหนด โหมด Dry หรือโหมดลดความชื้น ซึ่งแทนด้วยสัญลักษณ์รูปหยดน้ำ แอร์จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องลดความชื้นมากกว่า โหมด Fan หรือโหมดพัดลม ระบบจะตัดการทำงานในส่วนของชุดคอนเด็นซิ่งยูนิตที่อยู่นอกอาคารออกไป เหลือไว้แต่เพียงชุดแฟนคอยล์หรือคอยล์เย็นในอาคารที่จะยังคงทำงานอยู่ พัดลมคอยล์เย็นจะยังคงทำงานอยู่ ผู้ใช้งานสามารถปรับความเร็วพัดลมได้ แต่ไม่สามารถตั้งอุณหภูมิได้ จบคอร์สการตั้งค่าโหมดต่างๆ เรียบร้อยแล้วแต่แอร์ก็ยังไม่เย็นแสดงว่าการปรับอุณหภูมินั้นไม่ได้ช่วยนัก แต่ปัญหาที่แท้จริงนั้นอาจจะเกิดจากการที่ฝุ่น และสิ่งสกปรกต่างๆ เข้าไปอุดตันข้างใน ทำให้ลมแอร์ไม่เป่าออกมาเท่าที่ควรดังนั้นเราจึงต้องนำฟิลเตอร์แอร์หรือแผ่นกรองอากาศออกมาทำความสะอาดด้วย ทำได้ง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน ขั้นตอนการทำความสะอาดและดูแลรักษาฟิลเตอร์แอร์ Step1 ถอดตัวฟิลเตอร์แอร์ออกมาจากตัวเครื่องปรับอากาศ Step2 ทำความสะอาดฟิลเตอร์แอร์ โดยการล้างด้วยน้ำเปล่า หรืออาจใช้น้ำยาทำความสะอาดร่วมด้วย Step3 ตากฟิลเตอร์แอร์ให้แห้งสนิท และนำใส่กลับเข้าไปในเครื่องปรับอากาศเหมือนเดิม 2. วิธีกำจัดฝุ่นและคราบสกปรกจากรางประตู ซอกเล็กๆ ก็ล้างออกได้ง่าย รู้หรือไม่ว่ารางประตูเป็นจุดนึงที่สกปรกที่สุดของบ้าน?! สาเหตุนั้นมากจากการทำความสะอาดที่ยากลำบาก ทำให้ไม้กวาดหรือเครื่องดูดฝุ่นก็ไม่สามารถเข้าถึงทุกซอกทุกมุมในรางเล็กๆ นี้ให้หมดเกลี้ยงได้ วิธีทำความสะอาดถูกต้อง คือการหาอุปกรณ์ ที่มีขนาดพอดีกับรางประตู เพื่อสามารถเข้าถึงทุกซอกทุกมุมได้ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ 1). สก๊อตซ์ไบรต์ หรือ ฟองน้ำ 2). ปากกาเมจิก 3). คัตเตอร์ ขั้นตอนการทำความสะอาดรางประตู  Step1 นำฟองน้ำมาวางทาบกับรางประตู และใช้ปากกาเมจิกขีดบนฟองน้ำตามแนวขอบราง เพื่อวัดระยะให้พอดีกับ ขนาดรางประตู Step2 ตัดฟองน้ำให้เป็นร่องตามที่ขีดไว้ เพื่อให้สามารถเสียบพอดีกับร่องประตู Step3 นำฟองน้ำไปชุดน้ำ หรือน้ำยาทำความสะอาด…

คอนโดและบ้านหรู กับเหตุผลที่ควรคู่เป็นสินทรัพย์สำหรับลงทุน

ประเด็นสำคัญของบทความ อะไรคืออสังหาฯ ระดับพรีเมี่ยม เหตุผลและความน่าสนใจของอสังหาฯ ระดับหรู ถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยจะยังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์วิกฤตอย่างเต็มที่ แต่ทุกวันนี้ โครงการคอนโดมิเนียมและบ้านหรู ก็ยังถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมทั้งจากผู้ประกอบการไปจนถึงกลุ่มลูกค้ามากมาย สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะเทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมีการเปลี่ยนแปลงไป และมองสินทรัพย์เหล่านี้มีความคุ้มค่า เหมาะลงทุนในรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว แบบไหนที่จะเรียกว่า อสังหาฯ ระดับหรู? การที่เราจะเรียกโครงการคอนโดมิเนียมหรือบ้านซักแห่งว่าอยู่ในระดับหรู นอกจากเรื่องของมูลค่าโดยเฉลี่ยสูงกว่า 270,000 – 580,000 บาท/ตรม. ขึ้นไปแล้ว สิ่งสำคัญรองลงมาก็คือเรื่องของทำเลที่ตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่โครงการระดับพรีเมี่ยมจะเลือกทำเลที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายจำเพาะ เช่น ตั้งอยู่ท่ามกลางศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) เป็นต้น ภาพโครงการ นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา อีกปัจจัยก็คือความมีเอกลักษณ์หรือมีสตอรี่บางอย่างเป็นธีม (Theme) ที่สื่อออกมาได้อย่างชัดเจนว่าโครงการนี้ถูกสร้างขึ้นมาเนื่องจากเหตุผลอะไร? ถูกสร้างโดยใคร? รวมถึงถูกสร้างมาสำหรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่มีไลฟ์สไตล์แบบไหน? นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอีก 6 ประการ ที่ทำให้อสังหาริมทรัพย์แนวนี้ เป็นสินทรัพทย์ที่น่าจับจอง ดังนี้เลยครับ ภาพโครงการ KHUN by YOO 1. โดดเด่นเฉพาะตัว เจาะกลุ่มลูกค้าชัดเจน อย่างที่เรากล่าวเอาไว้ข้างต้นแล้วว่า “ความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร” (Unique identity) คือนอกจากจะต้องสวยงามโดดเด่นแล้ว ยังต้องมีเรื่องราวที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังอีกด้วย โครงการคอนโดมิเนียมและบ้านหรูบางแห่งนั้น ก็แทบอยู่ในระดับของงานศิลปะทางด้านสถาปัตยกรรม ที่พึ่งพาฝีมือของศิลปินและนักออกแบบระดับโลก มาสร้างสรรค์ตัวโครงการตั้งแต่การออกแบบภายนอกอาคารไปจนถึงการตกแต่งภายใน หากเรามองในแง่มุมของธุรกิจก็คือปัจจัยที่ส่งผลถึงกระบวนการตัดสินใจของผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายผู้มีกำลังซื้อสูง ที่เน้นให้ความสำคัญของคุณค่าและเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลัง รวมถึงรับรู้ว่าอสังหาริมทรัพย์ที่ทำได้แบบนี้นั้นมีจำนวนไม่มากนัก จนทำให้พวกเขายอมจ่ายในราคาที่สูงควรคู่กับคุณค่า Khun by YOO ที่ตั้ง : ซอยสุขุมวิท 55 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร : : ออกแบบโครงการโดย Philippe Starck ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก : ตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่คัดเลือกมาโดย YOO Studio : ระบบจอดรถ Automated Parking ที่ล้ำสมัยไม่เหมือนใคร 2. ทำเลเทพ แต่ความเสี่ยงต่ำ “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง!” ขึ้นชื่อว่าทำเลและที่ดินแล้ว การคาดหวังศักยภาพการเติบโตในอนาคต ก็ย่อมต้องมาคู่กับความเสี่ยงที่ทำเลจะไม่เปรี้ยงได้อย่างที่ตั้งใจ แต่สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านหรูส่วนใหญ่กลับไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ เพราะเรื่องของทำเลเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ได้รับการวิเคราะห์และวางแผนมาอย่างละเอียดก่อนที่จะสร้างโครงการขึ้นมาแล้วว่า จะเป็นทำเลที่มีศักยภาพมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และต่อเนื่องไปจนถึงอนาคต ตัวอย่างเช่น ทำเลย่านทองหล่อ เอกมัย ในช่วงปี 2017-2019 มี demand หรือความต้องการที่เพิ่มสูง ทำยอดขายได้กว่า 65% หรือคิดเป็นยูนิตมากกว่า 6,000 ยูนิตเลยทีเดียว และยังคงเป็นอีกโซนยอดนิยมตลอดกาลด้วย The Monument Thong Lo ที่ตั้ง : ถนนทองหล่อ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จุดเด่นด้านทำเล : :…

ซื้อ ขาย เช่า บ้าน คอนโด ผ่าน Agent กับ หาทำเอง แบบไหนที่เหมาะกับเรา?

เวลาแบบนี้ซื้อคอนโดดีไหม? ทำเลไหนตอบโจทย์สุด? อยากเช่าคอนโดติดรถไฟฟ้า แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร? มีประกาศเต็มไปหมด คอนโดมือสองทั้งราคาดีคุ้มค่า แต่เอกสารเรื่องกู้โอนนี่ต้องเริ่มยังไงนะ? ซื้อคอนโดผ่าน agent ต้องเสียค่านายหน้ารึเปล่านะ? จะทำเองก็ดูมีขั้นตอนเยอะจัง ถ้าไม่อยากปวดหัวกับเรื่องเหล่านี้…คำตอบอยู่ที่นี่แล้วครับ ทำเอง…ทำได้ แต่อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีที่เข้าถึงง่าย ส่งผลต่อการซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาฯ ในปัจจุบันไม่น้อย และใครๆ ต่างก็สามารถศึกษาและลงมือทำด้วยตนเองได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นการเฟ้นหาบ้าน หาคอนโดมือหนึ่ง หาคอนโดมือสองสำหรับอยู่เอง หรือมีไว้เพื่อลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แต่สิ่งที่หลายคนมักมองข้ามไป คือความยุ่งยากในรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ที่เราอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อน เพราะทุกขั้นตอนในการดำเนินการ มีรายละเอียดปลีกย่อยที่เราต้องใส่ใจเป็นพิเศษ สำหรับคนขาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราคาที่เหมาะสม การถ่ายรูปห้องประกาศหาผู้เช่าผู้ซื้อตามช่องทางต่างๆ การโทรนัดหมายในการพาเข้าชม สิ่งเหล่านี้แม้จะสามารถจัดการได้ด้วยตนเอง แต่ก็ใช้เวลาในการดำเนินการที่มากพอสมควร ในขณะที่คนหาเช่า หาซื้อ กว่าจะเปรียบเทียบราคา ผ่านตัวเลือกที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาลบนเว็บไซต์ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าห้องที่ลงประกาศนั้นมีอยู่จริง เชื่อถือได้ ราคาเหมาะสมแล้วหรือยัง ที่สำคัญ เรื่องการติดต่อเจ้าของห้อง นัดหมายเพื่อขอชมหรือคุยรายละเอียดต่างๆ กว่าจะนัดแต่ละรายได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ขาดประสบการณ์แล้ว อาจกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและเสียเวลาชีวิตไปอย่างมากมายมหาศาล และอาจกระทบไปจนถึงทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย ทำไมตัวแทนอสังหาฯ จึงสำคัญ? เพราะความรู้ความเข้าใจด้านอสังหาฯ ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะสมจะลงมือทำด้วยตนเอง การใช้ตัวแทนมืออาชีพที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน จะทำให้เราได้รับความสะดวกสบายอย่างคาดไม่ถึง ตั้งแต่การมองหาโครงการหรือทำเลที่เราสนใจ จนถึงการให้คำแนะนำในการลงทุนในเชิงลึก แน่นอนว่างานเอกสารต่างๆ ก็สามารถจัดการให้ได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว ลูกค้านักลงทุนของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ หลายท่านต่างก็เคยบอกเราว่า ที่ตัดสินใจให้พลัสฯ จัดการดูแลพอร์ตให้เลยก็เป็นเพราะการลงทุนอสังหาฯ จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและสามารถสร้างผลตอบแทนได้คุ้มค่า ดังนั้นที่ปรึกษาด้านการลงทุนจึงต้องแม่นยำทั้งเรื่องข้อมูล รวมถึงการอำนวยความสะดวกต่างๆ แก่นักลงทุน ทั้งเรื่องการเงิน การโอนกรรมสิทธิ์ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับทางราชการ ซื้อ/ขาย/เช่า ง่ายขึ้นได้…เมื่อเจอตัวแทนที่รู้ใจ การหาห้องที่ถูกใจอาจดูเหมือนง่ายแค่เปิดเน็ต แต่แท้จริงแล้วยังมีสิ่งที่เราไม่รู้เกี่ยวกับยูนิตหรือโครงการที่เราสนใจอีกมาก ตัวแทนอสังหาฯ จะเข้ามาช่วยเราตั้งแต่เรื่องของงบประมาณในการเช่าหรือซื้อ เพื่อจัดหาโครงการที่เหมาะสม และนำเสนอตัวเลือกที่เหมาะกับเรามากที่สุด หลังจากนั้นจะพาเราไปเข้าชมโครงการและยูนิตที่เราสนใจ พร้อมให้คำแนะนำในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะชอบแบบไหน หรือไม่ชอบแบบไหน ก็มีตัวเลือกที่สามารถแนะนำเปรียบเทียบได้อย่างทันท่วงที ยิ่งไปกว่านั้น หากเรามีความสนใจในยูนิตดังกล่าวล่ะก็ ก็ยังสามารถฝากตัวแทนในการเจรจาต่อรองราคา หรือขอข้อเสนอพิเศษ เพื่อช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นไปอีก และสำหรับผู้ที่มีของในมืออยากปล่อย ตัวแทนอสังหาฯ ก็พร้อมทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย โดยไม่ต้องลงมือด้วยตนเอง ตั้งแต่การตั้งราคาที่เหมาะสมกับราคาตลาด สื่อสารผ่านหลากหลายช่องทางเพื่อให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย ผ่านฐานข้อมูลลูกค้าที่น่าเชื่อถือ พร้อมพาผู้ซื้อหรือเช่าเข้าเยี่ยมชมและนำเสนอจุดขายได้อย่างน่าสนใจ และที่สำคัญ ยังช่วยจัดการเอกสารต่างๆ พร้อมให้คำปรึกษาด้านการเงิน ไปจนถึงติดต่อกับหน่วยงานราชการให้อย่างสะดวกสบายเลยทีเดียว Plus Property ตัวแทนอสังหาฯ ที่รู้จริง เหมือนคนรู้ใจ   พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตัวแทนอสังหาฯ ที่รู้จริง พร้อมเป็นทุกคำตอบของอสังหาฯ ตั้งแต่ทีมงานมืออาชีพที่มากประสบการณ์ ผ่านการเทรนอย่างต่อเนื่อง สามารถรองรับได้มากกว่า 5 ภาษา…

คนซื้อบ้านต้องรู้ เมื่อความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้ทำเล

บทความประจำคอลัมน์ The Bangkok Insight โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้  โดย คุณสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ ถึงแม้ในปัจจุบันเราจะคลายล็อกดาวน์กันแล้ว แต่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด–19 ก็ยังคงต้องเฝ้าระวัง ส่งผลให้กิจกรรมที่เป็น New Normal หลายรูปแบบยังคงต้องดำเนินต่อ และเรายังคุ้นชินกับการใช้เวลาว่างในการทำกิจกรรมที่บ้านเพื่อเซฟตัวเอง ดังนั้นเมื่อผู้คนอยู่บ้านมากขึ้น การเลือกซื้อที่อยู่อาศัยก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยใหม่ๆ ที่เพิ่มเติมต่างจากเดิม เช่น การมีพื้นที่ออกกำลังกายที่บ้านจากเดิมที่พิจารณาเพียงห้องออกกำลังกายของส่วนกลาง ความต้องการพื้นที่สำหรับประกอบอาหารเล็กๆ การมีสวนหลังบ้านหรือพื้นที่สีเขียวในโครงการ และอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้คนยุคใหม่คำนึงถึงก็คือเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งทุกวันนี้ปัจจัยด้านความปลอดภัยมีความสำคัญมากพอๆ กับเรื่องของทำเล เพราะเมื่อต้องใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ก็ย่อมต้องการความอุ่นใจในการอยู่อาศัยตลอด 24 ชั่วโมง  จากการสำรวจของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เราพบว่าในด้านความปลอดภัยในที่อยู่อาศัยที่ผู้ซื้อต้องการ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.การมีกล้องวงจรปิดที่ครอบคลุม 2.มีสัญญาณกันขโมยหรือสัญญาณเตือนภัยหากเกิดการบุกรุก 3.มีรปภ.คอยตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง 4.มีระบบประตูล็อกดิจิทัล และ 5.มีระบบคีย์การ์ดสำหรับเข้าอาคารหรือการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งจากผลสำรวจนี้เห็นได้ว่าความต้องการเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เข้ามามีความสำคัญกับความรู้สึกของผู้ซื้อ และความปลอดภัยนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องการติดตั้งวางระบบและเทคโนโลยีเท่านั้น ต้องดูแลจัดการโดยบุคลากรคุณภาพด้วย ประเด็นเรื่องการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงนี้ เป็นสิ่งท้าทายที่แต่ละโครงการจะต้องดูแลให้ได้ ดีที่สุด โดยสามารถจัดการเหตุได้ทันเวลาหรือสามารถระงับความเสี่ยงได้ก่อนที่จะลุกลามจนเกิดเหตุขึ้น ซึ่งจากการที่ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในบทบาทงานด้านบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัย ที่ปัจจุบันดำเนินการดูแลอยู่มากกว่า 200 โครงการทั้งที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม พบว่าปัจจุบันหลายโครงการได้มีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัย เพื่อดูแลความปลอดภัยแก่ลูกบ้าน อาทิ การติดตั้งรั้วเซนเซอร์รอบหมู่บ้าน เพื่อตรวจจับความผิดปกติหรือมีการรุกล้ำแนวรั้ว การมีกล้อง CCTV Analytic ที่นอกจากจะสังเกตการณ์บันทึกภาพ ยังมี AI ที่สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติและแจ้งเตือนได้ หรือการมีศูนย์ควบคุมสังเกตการณ์จากส่วนกลางแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเชื่อมต่อระบบจากในโครงการต่างๆ เข้ามามอนิเตอร์ที่ส่วนกลาง และมีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทีมนิติบุคคลในแต่ละโครงการ เพื่อประสานการตรวจสอบดูแลในพื้นที่ ณ จุดเกิดเหตุอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ เรื่องความปลอดภัยด้านสุขภาพและสุขอนามัยก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะ New Normal จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทั้งเรื่องของการดูแลด้าน Social Distancing ในการใช้พื้นที่ส่วนกลาง การทำความสะอาดฆ่าเชื้อในบริเวณโครงการ การคัดกรองผู้มาติดต่อในโครงการที่พักอาศัย หรือเรื่องเทคโนโลยีและการจัดการแบบไร้สัมผัส (Touchless) เช่นการมีประตูเซนเซอร์เปิดปิดอัตโนมัติ การลงทะเบียนผู้มาติดต่อแบบไม่ต้องแลกบัตรโดยให้ลูกบ้านสามารถลงทะเบียนผู้มาติดต่อล่วงหน้าผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งนอกจากจะตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยแบบ Social Distancing แล้ว ยังปลอดภัยด้านการจัดเก็บและตรวจเช็คข้อมูลผู้มาติดต่อสำหรับทีมนิติบุคคล ให้สามารถติดตามตรวจสอบได้ สิ่งเหล่านี้หากโครงการใดมีการดูแลบริหารจัดการที่ดี ก็จะสร้างความอุ่นใจและความปลอดภัยทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สินรวมถึงสุขภาพที่ดีของผู้พักอาศัย ซึ่งการที่แต่ละโครงการจะสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในด้านรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งนั่นคือจะต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ เพราะหากมีเทคโนโลยีที่ดีแต่เจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจ ไม่สามารถใช้งานได้จริงก็จะทำให้ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลโครงการที่อยู่อาศัยจะต้องสร้างมาตรฐานในการคัดเลือกบุคลากรที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ให้มีทักษะพื้นฐานรอบด้าน เช่น พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้กำหนดมาตรฐานของผู้ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ด้านรักษาความปลอดภัย ซึ่งนอกจากต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์มาตรฐานแล้ว ยังมีการเสริมทักษะพิเศษระหว่างปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เช่น หลักสูตรการช่วยเหลือทางน้ำ, การจับสัตว์เลื้อยคลาน,…

เลือก 4 ทำเลลงทุนแบบนี้ ธุรกิจรุ่งแน่!

หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มฟื้นฟู หลายประเทศเริ่มเปิดเส้นทางการบิน รวมถึงประเทศไทยก็เริ่มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ทำให้แนวโน้มทางเศรษฐกิจดีขึ้น หลากหลายธุรกิจก็เริ่มฟื้นฟูเช่นกัน เข้าสู่ยุคที่ใครๆ ก็เริ่มมองหาอาชีพเสริมและเลือกมองหาทำเลที่ตั้งธุรกิจ ขยายกิจการ หรือกระทั่งการซื้อเพื่อการลงทุน แม้หลายครั้งจะมีคำกล่าวที่ว่า การทำธุรกิจต้องอาศัยโชคช่วย ทว่าปัจจัยหลักที่สำคัญคือทำเล ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งกุญแจสู่การประสบความสำเร็จของธุรกิจ “การเลือกทำเลสำหรับทำธุรกิจดีก็มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง” หลากหลายพื้นที่ในกรุงเทพและต่างจังหวัดจึงมี ‘ทำเลทอง’ ที่มีผู้คนรอจับจองมากมาย ในการเริ่มต้นกิจการใดๆ การเลือกทำเลธุรกิจสำหรับการลงทุนใดๆ ก็ตามจึงควรเลือกที่ตั้งเป็นสำคัญ  หากเลือกทำเลไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็น เช่น การเข้าถึงที่ไม่สะดวก ทำให้ลูกค้าต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มขึ้นเพื่อมาถึงร้าน พนักงานหายาก เนื่องจากการเดินทางไป-กลับ ที่ไม่สะดวก สำหรับธุรกิจใดที่มีการขนส่ง ทำเลที่ไม่ดีจะทำให้ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเนื่องจากการขนส่งที่เพิ่มขึ้น และการย้ายทำเลที่ตั้งนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำได้ง่ายและบ่อยนัก จึงควรเลือกลงทุนในทำเลที่เป็นพื้นที่มีการเข้าถึงได้ง่ายและมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง จากที่กล่าวมาทั้งหมด คงจะสงสัยแล้วว่า แล้วต้องเลือกทำเลเปิดร้านทำธุรกิจอย่างไรดีให้โดนใจนักลงทุนและผู้บริโภค พลัสฯ จะพาหาคำตอบ เลือกทำเลแบบไหนให้ธุรกิจรุ่ง 1. ทำเลใกล้แหล่งชุมชนหรือนิคมอุตสาหกรรม ที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชน โอกาสที่จะดำเนินธุรกิจก็สูงขึ้น หากเป็นแหล่งที่มีผู้คนพลุกพล่านแต่ไม่แออัดจนเกินไป ยิ่งนับเป็นทำเลทอง ยิ่งหากอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมก็นับเป็นทำเลทองแห่งอนาคตในการลงทุน จะซื้อตึกแถวไว้ค้าขาย หรือเลือกเป็นทำเลร้านอาหาร อีกทั้งในบริเวณนี้มีโอกาสรุ่งสูง เนื่องจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในไทยช่วงปี 2564-2566 มีแนวโน้มเติบโตขึ้น อัตราการหลั่งไหลของผู้คนก็จะสูงขึ้น เปิดโอกาสให้ธุรกิจมีแนวโน้มการเข้าถึงที่สูง เช่น ทำเลใกล้นิคมอุตสาหกรรม อาทิ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี จังหวัดที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development: EEC) สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของพื้นที่ และการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายสูง ความต้องการที่ดินจึงเพิ่มสูงขึ้นตาม ทำให้ทำเลที่มีศักยภาพเริ่มหายากมากขึ้น กอปรกับรายได้ของประชากรมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นกว่าพื้นที่อื่นๆ หากอยากเริ่มลงทุนธุรกิจทำเลแห่งอนาคต พื้นที่ย่านนิคม เป็นสิ่งที่มีควรมองข้ามอย่างยิ่ง(อ้างอิงจาก แนวโน้มธุรกิจ/อุตสาหกรรมปี 2564-2566: ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม) ตึกแถวทำเลดี: อาคารพาณิชย์ D condo bliss พื้นที่ทำเลดีเหมาะแก่การลงทุน ติดถนนใหญ่ ใกล้ใกล้นิคมแหลมฉบังฯ โรงแรม Holiday Inn พื้นที่ใช้สอย 196 ตรม. หน้ากว้าง 5 เมตร พร้อมที่จอดรถ* 2. ทำเลใกล้มหาวิทยาลัย หอพัก เป็นพื้นที่ที่มีปริมาณความต้องการของผู้พักอาศัยเป็นจำนวนมาก ด้วยช่วงวัยที่สดชื่น และรูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย ทั้งยังมีผู้บริโภคมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศวัยทำงาน นักศึกษาแม้กระทั่งผู้ปกครองโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาและวัยทำงานที่นับว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการตลอดเวลา หากจะเริ่มทำกิจการใดๆ ใกล้พื้นที่แห่งนี้ นับว่าเป็นโอกาสทองเลยทีเดียว เช่น พื้นที่ทำเลกำแพงแสน มีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน มีจำนวนนิสิตนักศึกษาถึง 14,337 คน และประชากรในเขตกำแพงแสนถึง 110,380 คน เรียกได้ว่าเป็นแหล่งชุมชนอีกแห่งหนึ่ง ทั้งยังรายล้อมด้วยหอพักราคาดีที่สามารถเอื้อมถึง เหมาะสำหรับเริ่มต้นธุรกิจได้เป็นอย่างดี ตึกแถวทำเลดี: พื้นที่ค้าปลีกในดีคอนโด กำแพงแสน พร้อมที่จอดรถ* ขนาด 117 ตร.ม. เพดานสูง โล่ง สวย พร้อมห้องย่อย…