รวมลิสต์แน่นๆ คาเฟ่พระราม 4 รวมร้านดีน่าไปโดน

ถนนพระราม 4 ไม่ได้มีดีแค่เป็นทางผ่าน แต่ถือเป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านดีร้านดัง ดูแล้วน่าไปโดนอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะไปนั่งชิล นั่งทำงาน หรือซื้อกลับบ้านก็ตาม วันนี้พลัสฯ คัดมาให้เลือกแบบเน้นๆ อยากรู้ว่ามีที่ไหนบ้าง ตามมาดูกันเลยครับ สำหรับย่านพระราม 4 เองก็กำลังจะเป็นทำเลทองอีกแห่งในกรุงเทพฯ ที่แม้หลายคนจะคุ้นกันถึงความสะดวกสบาย จากการที่ถนนเส้นนี้ได้เชื่อมต่อถนนหลายสายไว้ด้วยกัน แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยมากมายที่ทำให้ย่านนี้น่าจับตามองในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่เดินทางสะดวก อนาคตไกลจากเหล่าโครงการ MEGA Project หลายแห่ง รวมถึงพื้นที่สีเขียวในย่านจากสวนสาธารณะชั้นนำของกรุงเทพ ในส่วนของคาเฟ่นั้น ย่านนี้ก็ไม่น้อยหน้าไปกว่าใครเช่นกัน kurasubkk ร้านกาแฟสัญชาติญี่ปุ่นที่มาไกลจากกรุงเก่าอย่างเกียวโต มาเปิดสาขาในไทยใจกลางย่านพระราม 4 ขึ้นชื่อว่ามากจากแดนไกลแบบนี้คงจะยืนหนึ่งเรื่องอื่นไปไม่ได้นอกจากกาแฟ ที่คัดสรรเมล็ดสายพันธุ์ชั้นนำมาคั่วเอง และที่ขาดไม่ได้คือเมล็ดคั่วพิเศษ Kurasu Bangkok Blend ที่รสชาติมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ในบรรยากาศของร้านที่ดูดีตั้งแต่การตกแต่งที่สะอาดตาสมกับเป็นสไตล์มินิมอล หากได้ไปเยือนสักครั้งเป็นต้องอยากไปซ้ำอย่างแน่นอน 📌: เยื้อง K-Village ⏲: 9 AM – 6 PM *ขอขอบคุณภาพจากทางร้าน Brave Roasters: The PARQ หนึ่งในแบรนด์กาแฟชั้นนำที่ชาวทองหล่อและสาทรคุ้นเคยกันดี ปัจจุบันร้านนี้ได้ขยายมาเปิดสาขาถึงใน The PARQ ของย่านพระราม 4 ที่นอกจากทางร้านจะคัดสรรกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ ผ่านหลากหลายกรรมวิธีมาให้เลือกดื่มแล้ว ในแต่ละเดือนยังมีเมนูกาแฟใหม่ๆ และขนมให้ลิ้มลองอีกมากมาย เคล้าบรรยากาศที่จัดวางได้สวยงามน่าถ่ายรูปของโครงการ The PARQ ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน 📌: ศูนย์การค้า The PARQ ถ. พระราม 4 ⏲: 8:30 AM – 7 PM *ขอขอบคุณภาพจากทางร้าน 3nvy คาเฟ่สุดชิคที่สาย Cafe Hopping ต้องไม่พลาดที่จะแวะมาถ่ายรูปกัน เพราะตัวร้านมีการตกแต่งด้วยศิลปะวาดมือบนผนัง เสริมด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจทั้งร้าน ชวนให้น่าค้นหาไปอีก ส่วนของอาหารของที่นี่จะเน้นเป็น All Day Dining ที่ทานง่าย เช่น ทาร์ตเห็ดครีมมี่ มาพร้อมกับของหวานที่ทางร้านคัดสรรมาให้เลือกมากมาย เช่นคุกกี้สอดไส้นูเทลล่า ที่ถ้าได้จับคู่กับลาเต้ร้อนล่ะก็ต้องบอกเลยว่า…เข้ากันสุดๆ 📌: ถ. พระราม 4 ใกล้ MRT คลองเตย ⏲:11 AM – 9 PM *ขอขอบคุณภาพจากทางร้าน Size S Coffee & Bakery คาเฟ่เล็กๆ ย่านสาทรที่มาพร้อมคอนเซปท์ที่ว่า ‘Small…

5 เรื่องต้องรู้ ก่อนตัดสินใจย้ายเข้า-ออกหอ/คอนโดให้เช่า

หลายคนคงกังวลใจเสมอ เมื่อจำเป็นจะต้องย้ายจากการพักอาศัยอยู่บ้านไปยังหอพักหรือคอนโดให้เช่าต่างๆ สำหรับมือใหม่ที่กำลังวางแผนหาคอนโดพร้อมอยู่หรือหอพัก ห้ามพลาดบรรดา 5 เรื่องต้องรู้ ก่อนตัดสินใจย้ายเข้า-ออกหอ/คอนโดให้เช่า จะมีเรื่องสำคัญอะไรที่ต้องจดไว้ในเช็คลิสต์บ้าง วันนี้พลัสฯ จะมาบอกให้ทราบครับ รู้จุดประสงค์ของตัวเองก่อน ก่อนที่เราจะทำการเลือกคอนโดหรือหอพัก ก่อนอื่นเราควรจะรู้จุดประสงค์ของตัวเองก่อน ว่าเราอยากเช่าหอหรือคอนโดเพื่ออะไร? การรู้จุดประสงค์ในการหาที่พักจะช่วยให้เราไม่ต้องยกเลิกสัญญาล่วงหน้า เช่น สำหรับเป็นนักศึกษา การหาคอนโดหรือหอพักที่อยู่ใกล้บริเวณมหาวิทยาลัยจะตอบโจทย์ความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางมากกว่า ยกตัวอย่างคอนโด เช่น dcondo Campus Resort Bangna ที่อยู่ใกล้และเดินทางสะดวก เหมาะสำหรับนักศึกษา ABAC หรือ dcondo Campus Resort Dome-Rangsit ที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำหรับวัยทำงานแล้ว การเลือกที่พักที่อยู่ใกล้ BTS, MRT หรือ Airport Link จะอำนวยความสะดวกในการเดินทางไป-กลับ เช่น XT Ekkamai ที่อยู่ใจกลางย่านเอกมัยหรือ THE LINE Sukhumvit 101 อยู่ใกล้กับ BTS สถานีปุณณวิถี เป็นต้น ยูนิตแนะนำของ XT Ekkamai ค้นหายูนิต XT Ekkamai เพิ่มเติมสำหรับเช่าได้ที่นี่ ยูนิตแนะนำของ THE LINE Sukhumvit 101   ค้นหายูนิต THE LINE Sukhumvit 101 เพิ่มเติมสำหรับเช่าได้ที่นี่ เมื่อทราบความต้องการแล้ว การเริ่มต้นหาคอนโดเช่าหรือหอพักผ่านช่องทางออนไลน์จะช่วยทำให้เราทราบข้อมูลเบื้องต้นได้ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เพียงแค่พิมพ์คำว่า หอพัก, คอนโดให้เช่า, คอนโดพร้อมอยู่, เช่าคอนโด ก็จะปรากฏคำค้นหาให้เราได้พบจำนวนมาก หรืออาจเพิ่มบางคำเพื่อให้การค้นหาแม่นยำขึ้นได้ เช่น คอนโดเช่า ใกล้ BTS, คอนโดพร้อมอยู่ ABAC หรือ เช่าคอนโด อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ คำค้นหาก็จะปรากฏข้อมูลตามที่มองหา สิ่งสำคัญที่ทางพลัสฯ อยากแนะนำสำหรับมือใหม่ คือ การค้นหาคอนโดผ่านเอเจนท์หรือตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่น่าไว้ใจ จะช่วยสร้างเกราะป้องกันอันตรายจากมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีได้ และลดความยุ่งยากในการจัดการเอกสาร รายละเอียดภายในห้องพักระหว่างเจ้าของห้องและผู้เช่าได้เป็นอย่างดี 2. ถามให้ครบ ตกลงให้เรียบร้อย จบทุกปัญหา เมื่อได้ที่พักหรือคอนโดที่ตรงใจแล้ว เราควรทำการติดต่อ พูดคุยกับเจ้าของหอพักหรือคอนโดเช่าให้ชัดเจน ในการนัดหมายเข้าชมห้อง เพื่อให้รู้ว่าห้องจริงนั้นตรงกับภาพที่ลงไว้หรือไม่ อีกทั้งการไปดูที่พักจริงและสภาพปัจจุบันคือสิ่งที่จำเป็น ที่จะช่วยให้เราได้เห็นบรรยากาศจริงๆ เพราะภาพถ่ายไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมด อีกทั้งยังช่วยให้เราได้เห็นขนาดจริง และสภาพจริงของที่พัก นอกจากนี้การไปเซอร์เวย์พื้นที่ก่อนยังช่วยให้เราได้พิจารณาถึงสภาพแวดล้อมของที่พัก ประเมินระยะเวลาการเดินทางได้แม่นยำขึ้น แถมยังช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเรายังไม่ได้เห็นสถานที่จริงอีกด้วย นอกจากนั้น เรายังสามารถพูดคุยเรื่องสัญญาในการเช่า, ระยะเวลาการทำสัญญา, ค่าเช่า, ค่ามัดจำ, ค่าน้ำค่าไฟ, ค่าส่วนกลาง, ค่าปรับ, ค่ายกเลิกสัญญาต่างๆ ให้เข้าใจและรัดกุมตั้งแต่แรก…

เทียบให้รู้กันไป รีโนเวทเอง vs สร้างใหม่ แบบไหนเวิร์ค?!

ไขข้อข้องใจ รีโนเวทบ้าน หรือสร้างบ้านใหม่ แบบไหนคุ้มค่าและเหมาะกว่าเรามากกว่ากัน หาคำตอบได้ในบทความนี้ หาดูบ้านใหม่มาหลายที่ แต่ก็ยังไม่เจอที่ทำเลถูกใจเท่าไรนัก อยากมีบ้านสวยๆ ห้องสวยๆ ต้องใช้งบประมาณเยอะจริงหรือ? รีโนเวทบ้านเก่า หรือสร้างบ้านใหม่ แบบไหนคุ้มกว่ากัน? ถ้าอยากจะรีโนเวทบ้านหรือคอนโด ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง? ท่ามกลางการขยายตัวของโครงการหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดใหม่ๆ เราอาจมีตัวเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่ก็อาจไม่ใช่กับทุกคนเสมอไป เพราะความต้องการในด้านของทำเลและงบประมาณที่ต่างกัน อาจเป็นไปได้ยากที่บ้านและคอนโดใหม่ๆ จะสามารถตอบโจทย์ได้ทุกคนที่ต้องการมีบ้านหรือคอนโดในขณะนี้ ในขณะเดียวกันกระแสการรีโนเวทบ้านเก่า หรือคอนโดเก่าก็ได้เข้ามาเป็นที่นิยมสำหรับคนหลายกลุ่มที่ต้องการจัดความต้องการให้ลงตัวกับงบประมาณที่มีอยู่ แต่จะคุ้มค่าจริงหรือไม่ เมื่อเทียบกับการสร้างบ้านใหม่ไปเลย แล้วแบบไหนถึงดี และเหมาะกว่าเรากว่ากัน บทความนี้มีคำตอบครับ บ้านสวยมีได้ งบไม่บานปลายอย่างที่คิด อีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ นอกจากหาซื้อบ้านพร้อมอยู่โครงการใหม่ๆ หรือคอนโดโครงการใหม่ คือการรีโนเวทบ้าน/คอนโดเก่าที่ได้มาในราคาถูก ที่จะช่วยให้เราได้บรรยากาศของบ้านหรือคอนโดที่ตรงใจมากยิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันมีกระแสการรีโนเวทเกิดขึ้นมากมายในอินเทอร์เน็ตที่เราสามารถเปิดดูเพื่ออ้างอิงและสำรวจความชอบได้ เทรนด์การรีโนเวทแบบ minimalism ที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศญี่ปุ่น มีจุดเด่นอยู่ที่ความน้อยแต่มาก และให้ความรู้สึกโปร่งสบาย และใช้เฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้น *ขอบคุณภาพจาก suumo.jp รีเวทได้ความต้องการที่ตรงใจ ในราคาที่ถูกกว่าสร้างใหม่ สำหรับผู้ที่มีที่ดินเป็นทุนเดิม อาจสามารถสร้างบ้านใหม่ได้ไม่ยากเย็นมากนัก เนื่องจากไม่ต้องเตรียมงบประมาณในการหาซื้อที่ดินมาสร้าง แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง และอยากเซฟค่าใช้จ่าย การซื้อบ้านมือสองมารีโนเวท จะช่วยให้เราได้ของถูกใจและตรงตามงบประมาณมากขึ้น โดยเฉพาะการหาซื้อบ้านที่เป็นสินทรัพย์หลุดจำนอง/ทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA เพราะเงินส่วนต่างจากการได้ของที่ถูกกว่าตลาด จะสามารถนำมาสมบทกับงบประมาณในการรีโนเวทบ้านได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะบ้านหลุดจำนองที่เป็นแบรนด์มือสอง จะช่วยให้เราวางใจในคุณภาพของบ้านได้ระดับหนึ่งอีกด้วย การรีโนเวทบ้านสไตล์ Loft เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยความรู้สึกแบบดิบๆ ที่ให้ความรู้สึกสวยงามจากปูนเปลือยและเหล็ก *ขอบคุณภาพจากเพจ yarkmebaanwoii สิ่งที่ต้องคำนึงเมื่ออยากรีโนเวทบ้าน/คอนโด  สำหรับการรีโนเวทนั้น มีค่าใช้จ่ายที่ต้องคำนึงคร่าวๆ ดังนี้ สถาปัตยกรรม วัสดุตกแต่ง วัสดุก่อสร้าง งานระบบสาธารณูปโภค ทั้งระบบน้ำ และ ระบบไฟฟ้า (เฉพาะส่วนที่รีโนเวท) งานโครงสร้าง (เฉพาะ ส่วนที่รีโนเวท) ค่าตกแต่งภายใน ค่าจำกัดปลวก นอกจากนี้ยังมีหลักการที่น่าสนใจในการรีโนเวท ที่อาจช่วยให้เราประหยัดได้มากขึ้นไปอีก เพียงคำนึงถึงหลักการง่ายๆ เหล่านี้ สะอาดไว้ก่อน เรื่องพื้นฐานเบสิกของการรีโนเวทบ้าน หากเรายังไม่ค้นพบไอเดียที่ถูกใจ หรือยังนึกไม่ออกว่าอยากให้บ้านของเรามีภาพออกมาเป็นแบบไหน อาจเริ่มต้นจากการทำความสะอาด และทิ้งของที่ไม่จำเป็นออก ทันทีที่บ้าน/คอนโดโล่งแล้ว ก็จะช่วยให้เราเห็นภาพได้ชัดมากยิ่งขึ้น ซ่อมแซมส่วนที่พัง ก่อนจะเสริม อาจต้องซ่อมก่อน โดยเฉพาะแต่ละส่วนของบ้านที่มีความเสียหาย โดยนอกจากจะเป็นการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหลักแล้ว ยังช่วยส่งผลให้เราได้ประหยัดเงินในระยะยาว จากการที่ไม่ต้องมาซ่อมในภายหลัง หรือเสี่ยงภัยจากอันตรายที่เกิดจากจุดเสื่อมสภาพเหล่านี้ เพราะต่อไปอาจมีอาการหนักกว่าที่ควรจะเป็น โดยจุดสำคัญที่ควรตรวจเช็คเพื่อซ่อมแซมได้แก่ ท่อน้ำรั่ว ดาดฟ้ารั่ว ระบบน้ำ ไฟภายในบ้าน เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก ด้วยพื้นที่ที่อาจมีจำกัดกันไปในแต่ละบ้าน เมื่อถึงคราวรีโนเวทเราอาจต้องคำนึงถึงประโยชน์จากการใช้สอย เพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น เปลี่ยนจากชั้นวางมาเป็นตู้เก็บของ หรือการทำเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in ที่ถือเป็นโอกาสอันดีที่ไหนๆ ก็ได้รีโนเวทแล้ว ก็เพิ่มพื้นที่การใช้งานจากจุดนี้ให้คุ้มค่ายิ่งขึ้นไปได้อีก ผสมผสานธรรมชาติจากต้นไม้ อีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจและใช้ทุนทรัพย์ไม่เยอะ คือการนำต้นไม้ดอกไม้มาประดับบ้าน/คอนโด…

เปิดพื้นที่เอกมัย ศูนย์กลางคนทำงานยุคใหม่ออกมาดู ลุยให้รู้โซนไหนตอบโจทย์สุด!

ทุกวันนี้ไม่ว่าบริษัทไหนๆ ต่างก็ต้องปรับเปลี่ยนสไตล์ให้อยู่ในรูปแบบของ Work from home ซึ่งน่าจะเป็นวิถีการทำงานในยุคที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอนแบบนี้ไปอีกนานพอสมควร แม้ว่ารูปแบบการทำงานนี้จะเต็มไปด้วยข้อดีมากมาย อย่างการไม่ต้องลำบากเสียค่าเดินทาง ไม่ต้องเผชิญรถติดจนเสียเวลา แต่ก็มีข้อเสียหลักๆ เลยคือการไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น อีกทั้งการนั่งทำงานอยู่กับบ้านนั้นยากมากที่จะสร้างสิ่งที่เรียกว่า “บรรยากาศในการทำงาน” อันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหลายๆ คนเลยทีเดียว The 3rd Place พื้นที่นอกเหนือจากบ้านและออฟฟิศ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของยุคนี้ “สถานที่โปรด” ของคุณคือที่ไหน? ในห้องนั่งเล่นที่แสนสบาย ระเบียงบ้านที่ส่องสว่าง หรือมุมกาแฟในออฟฟิศที่เอาไว้ทักทายกับเพื่อนๆ? นิยามของคำว่า The 3rd Place ถือกำเนิดขึ้นมาจากสถานที่โปรดเหล่านั้น ที่เราชอบจะไปใช้ชีวิตอยู่นอกเหนือจากบ้านและที่ทำงาน อาจเป็นร้านกาแฟที่ไม่ได้ขายแค่กาแฟ แต่สามารถที่จะใช้ชีวิต นั่ง นอน ทำงาน อ่านหนังสือ หรือหลับไปได้โดยที่ไม่มีใครว่า อาจเป็นร้านอาหารที่ไม่ได้ขายแค่อาหาร แต่เป็นร้านที่เปิดครัวให้คนทั่วไปสามารถลุกขึ้นมาทำอาหารสูตรของตัวเองแชร์ให้กับคนอื่นได้ หรืออาจจะเป็นพื้นที่สาธารณะที่คนแปลกหน้าสามารถยกคอมพิวเตอร์มาทำงานร่วมกัน ขอไอเดียจากคนอื่นได้ ฯลฯ นี่แหละคือนิยามของ The 3rd Place ที่ซึ่งสามารถตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่แบบ Work from home ได้เป็นอย่างดี พาสำรวจ The 3rd Place ย่านเอกมัย ทำเลทองที่คนรุ่นใหม่ต้องลองพาตัวเองไปสัมผัส ถ้าพูดถึงเอกมัยแล้ว ไม่ว่าใครก็น่าจะรู้จักย่านนี้เป็นอย่างดีในฐานะของพื้นที่ที่รวมเอาไว้ซึ่งไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลาย เพราะนอกจากเอกมัยจะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชุมชนใจกลางเมืองแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมของผับ บาร์ ร้านอาหาร และแน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังเป็นศูนย์รวมของ The 3rd Place ที่ผู้อยู่อาศัยจะสามารถเข้าไปใช้ชีวิตได้อย่างอิสระอีกด้วย แลนด์มาร์คแรกของย่านเอกมัย ที่ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัย ก็คงไม่พ้นศูนย์การค้า Gateway เอกมัย ที่เป็นแหล่งรวมร้านค้าและร้านอาหารมากมาย ที่สำคัญก็คือที่นี่เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟ UCC Coffee Roastery ที่มีบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวสำคัญสำหรับผู้อยู่อาศัยในย่านนี้ ที่ตั้งอยู่ใกล้และสะดวกที่สุดเลยทีเดียว ขยับลงมาที่ชั้นล่างของศูนย์การค้า Gateway เอกมัย เราจะพบกับร้านกาแฟยอดนิยมที่คนนิยมใช้เป็น The 3rd Place อีกแห่งหนึ่งนั่นก็คือร้าน TOM N TOMS COFFEE ที่มีจุดเด่นด้านการเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมปลั๊กไฟให้บริการ เหมาะสำหรับนั่งทำงานสำหรับเหล่าฟรีแลนซ์ที่รับจ๊อบยามค่ำคืน เมื่อเราเดินมาที่หน้าปากซอยเอกมัย หรือสุขุมวิท 63 เราก็จะพบกับคาเฟ่ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ The Coffee Club สาขาเมเจอร์ ซินิเพล็กซ์ เอกมัย ซึ่งตั้งอยู่โดดเด่นหน้าปากซอย ที่นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ The 3rd Place สำหรับนัดเข้ามานั่งคุย ประชุมงาน…

ปลูกต้นไม้มงคลประจำวันเกิด ช่วยเสริมดวง เสริมชะตา พาชีวิตราบรื่น

แม้ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ จะมีการพัฒนาได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น แต่ในเรื่องศาสตร์ความเชื่อในเรื่องเสริมโชคหรือเสริมดวงก็ยังคงอยู่คู่กับสังคมไทยเสมอ  ยิ่งในยุคโควิดแบบนี้อาจจะส่งผลให้หลาย ๆ คน มีเรื่องที่ไม่สบายใจมากขึ้นต้องการที่พึ่งพาทางใจ แต่เนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยที่จะไปขอพรหรือทำบุญเสริมชะตาเหมือนที่ผ่าน ๆ มาได้  ดังนั้นศาสตร์การปลูกต้นไม้มงคลตามวันเกิดเพื่อเสริมเรื่องโชคชะตาเองก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน จึงรวบรวมมา 7 พรรณไม้ที่หาง่าย ดูแลไม่ยาก เพื่อมาใช้เป็นแนวทางสำหรับใครที่กำลังสนใจจะปลูกต้นไม้ต้อนรับสิ่งดีๆ ซึ่งวันเกิดไหนควรจะปลูกต้นไม้อะไร ลองมาดูกันเลย ต้นไม้ประจำวันเกิดวันอาทิตย์ คนที่เกิดวันอาทิตย์นั้น จะเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน มีความรับผิดชอบสูงและจริงจังในการทำงาน สุภาพอ่อนโยน แต่อารมณ์ร้อนโกรธง่ายหายเร็ว บางครั้งอาจขาดความละเอียดอ่อน สิ่งที่คนเกิดวันอาทิตย์ควรระวัง ❌: เรื่องความใจร้อนและเชื่อคนง่าย จะนำมาซึ่งปัญหาในภายหลัง ควรปลูกต้นไม้สีเหลืองหรือสีส้ม ✅: โกสน คนไทยโบราณเชื่อว่าหากปลูกต้นโกสนไว้ประจำบ้าน จะทำให้มีบุญบารมี เพราะว่าโกสนนั้นมีเสียงพ้องกับคำว่ากุศลที่หมายถึงการสร้างบุญ ยังมีความเชื่อว่าสามารถช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข นอกจากนี้ยังทนแล้งได้ดี สามารถปลูกไว้ริมระเบียงคอนโดเพื่อเพิ่มสีสันได้อีกด้วย ต้นไม้ประจำวันเกิดวันจันทร์ คนที่เกิดวันจันทร์จะเป็นคนมีเสน่ห์ อ่อนไหวกับเรื่องราวต่าง ๆ ได้ง่าย ถนอมจิตใจความรู้สึกคนอื่นเสมอ ช่างเจรจา มีพรสวรรค์ในเรื่องของการพูด เป็นที่รักใครเอ็นดูของคนทั่วไป แต่ว่าเป็นคนขี้น้อยใจ ปากกับใจบางครั้งไม่ค่อยตรงกัน สิ่งที่คนเกิดวันจันทร์ควรระวัง ❌: ควรลดความวิตกกังวลในเรื่องต่าง ๆ ระวังในเรื่องของการคบคน เพราะ ชอบถนอมจิตใจคนอื่นมากเกินไป บางครั้งก็เดือดร้อนตัวเอง ควรปลูกต้นไม้ที่มีดอกสีขาวหรือสีเหลือง ✅: ต้นแก้ว เชื่อกันว่าบ้านใดปลูกต้นแก้วไว้จะทำให้คนในบ้านนั้น มีจิตใจแจ่มใส ส่งผลให้มีคนรักดั่งแก้วตาดวงใจ มีกลิ่นหอมเย็นช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ดอกมีสีขาวเกสรสีเขียวและเหลืองให้ความสบายตา Tips : สำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัดขอแนะนำให้ปลูกเป็นต้นเดหลี ตัวดอกมีสีขาวและยังมีความเชื่อว่าหากปลูกต้นเดหลีไว้จะช่วยส่งเสริมให้มีอายุยืน วงการต้นไม้ เข้าแล้วออกยาก! กับ 7 พรรณไม้ประดับที่ฮิตที่สุดในเวลานี้ 10 ต้นไม้ฟอกอากาศ ปลูกง่าย ช่วยดูดซับสารพิษ ตัวช่วยสุขภาพดี ต้นไม้ประจำวันเกิดวันอังคาร สำหรับคนเกิดวันอังคารนิสัยจะเป็นคนมีวาทศิลป์ ตรงไปตรงมา ร่าเริงแจ่มใส อดทนต่ออุปสรรค ขยันทำงาน แต่ใจร้อนมากและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงจึงไม่ค่อยยอมคน สิ่งที่คนเกิดวันอังคารควรระวัง ❌: ควรระวังเรื่องใจร้อนด้วยความเป็นคนตรงมาก อาจก่อให้เกิดปัญหากับผู้อื่นได้ง่าย ต้องระมัดระวังในเรื่องของการพูดจา และควรฝึกการวางแผนหรือเรียงลำดับความคิดในการจัดการเรื่องต่างๆ ให้ดี ควรปลูกต้นไม้ที่มีดอกแดงหรือชมพู ✅: กุหลาบ นอกจากจะมีสีสันสวยงามแล้ว ยังก่อให้เกิดความสุขความสบายใจ และมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ทั้งยังมีความเชื่อกันอีกว่าหากปลูกต้นกุหลาบ สมาชิกทุกคนภายในบ้านก็จะมีโชคลาภ ต้นไม้ประจำวันเกิดวันพุธ หนุ่มสาวที่เกิดวันพุธ เป็นคนฉลาดชอบหาความรู้ใหม่ ๆ มีความคิดสร้างสรรค์สูง เป็นตัวของตัวเองปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดี ประนีประนอมเก่ง มีน้ำใจ แต่เป็นคนอ่อนไหวง่าย ใจอ่อนขาดความมั่นคงในอารมณ์ สิ่งที่คนเกิดวันพุธควรระวัง ❌: ควรระวังเรื่องระมัดระวังเรื่องใจอ่อน เชื่อคนง่าย และความใจกว้างจนเกินไปอาจถูกคนอื่นหลอกใช้ได้นะ ควรปลูกต้นไม้ที่มีสีเหลือง ✅ : พลูด่าง มีความเชื่อว่าช่วยให้ชีวิตราบรื่น รุ่งเรือง ลักษณะใบของต้นพลูด่างมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ จึงเชื่อว่าจะทำให้มีแต่คนรักใคร่ เอ็นดู และยังสามารถดูดซับสารพิษภายในตัวอาคาร ช่วยให้บ้านดูสดชื่นร่มเย็นได้ด้วย ไม่ต้องใช้ดินปลูกก็อยู่ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่ใช้สอยจำกัด 3 ไอเดียปลูกต้นไม้ในพื้นที่จำกัด เอาใจคนอยู่คอนโด คอนโดตอบโจทย์ไลฟไสตล์คนเมือง 2 ห้องนอน บนชั้น…

พลัสฯ แนะ 4 กลยุทธ์สำคัญ ปล่อยขายคอนโดให้รุ่งโรจน์ ในยุค COVID-19

สำหรับผู้พัฒนา, นักลงทุน และเจ้าของคอนโด แน่นอนว่าเป้าหมายในการปล่อยขายคอนโดให้รุ่งโรจน์ในยุค COVID-19 กำลังเป็นความท้าทายใหญ่ หลายคนที่คาดการณ์ว่าปี 2564 เศรษฐกิจจะดีขึ้น วงการอสังหาฯ จะฟื้นตัว ก็ต้องเริ่มชะลอกันอีกครั้งหลังพบการระบาดระลอกใหม่ ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ยังเปิดเผยการคาดการณ์และความกังวลว่า: “ขณะนี้ตลาดกลับมาอยู่ในความไม่แน่นอนอีกระลอก […] ปีที่แล้ว ภาพรวมการซื้อ-ขาย จัดอยู่ในภาวะทรงตัว จากแนวโน้มหลังเดือน ต.ค. กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น แต่ปีนี้ เผชิญปัจจัยลบตั้งแต่ต้นปี และอาจลากยาวไปจนถึงครึ่งปีแรก” ทั้งนี้ ท่ามกลางวิกฤต แน่นอนว่ามีโอกาส เศรษฐกิจซบเซาที่ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยต่ำ, ส่งผลให้รัฐออกมาตรการกระตุ้น, และส่งผลให้ราคาคอนโดฯ โดยรวมลดลงและทรงตัว (ไม่ปรับขึ้นสูงเหมือนเคย) มีโอกาสเป็นแรงจูงใจสำคัญให้ผู้ซื้อที่ยังคงมี Real Demand (ความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง) และ Purchase Power (กำลังซื้อ) รีบไขว่คว้าโครงการ/ยูนิตที่ใช่ของตนเองในราคาที่หาไม่ได้ในสถานการณ์ปกติ แต่แม้ผู้ซื้อคอนโดจะมีแรงกระตุ้นให้เกิดความปรารถนาและกำลัง เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขายคอนโดจะต้องมี ‘กลยุทธ์การขาย’ ที่สามารถดึงดูดพวกเขาได้มากพอเช่นกัน และหนึ่งในแนวทางสำคัญก็คือการตีโจทย์การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมการบริโภคของผู้คน (โดยเฉพาะกลุ่ม Real Demand) ในยุค COVID-19 ให้ออกและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายใหม่ให้สอดคล้องและตอบโจทย์กับกลุ่มดังกล่าว โดยสำหรับเทคนิคการปรับเปลี่ยนสำคัญ เบื้องต้น พลัสฯ แนะนำผู้ประกอบการ, นักลงทุน และบุคคลทั่วไป ดังนี้ 1. โชว์เคส ‘พื้นที่คอนโด’ ให้เข้ากับยุค New Normal ด้วยผลกระทบการต้องใช้เวลาและทำงานที่บ้าน ผู้ขายสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการโชว์เคสโครงการคอนโดและ/หรือยูนิตคอนโดตนเองให้ตอบโจทย์กับ New Normal ของผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ‘พื้นที่ในห้อง’ หรือ ‘บริเวณส่วนกลาง’ หลักการสำคัญคือการแสดงให้กลุ่มเป้าหมายของเราเห็นว่าพวกเขาจะมีบริเวณใช้สอยที่ตอบโจทย์และปลอดภัย สามารถทำกิจวัตรประจำวันในชีวิตได้อย่างหลากหลาย ไม่จำเจ และมีมาตรการ Social Distancing ที่รัดกุม เช่น ในส่วนของนิติบุคคล/โครงการ อาจมาร์กตำแหน่งการนั่งแยกกันในบริเวณส่วนกลางที่ชัดเจน เพื่อลดการใกล้ชิดและสัมผัสกัน ส่วนในด้านของเจ้าของคอนโด/ยูนิต อาจให้ความสำคัญกับแบ่งสรรบริเวณใช้สอยในห้องให้เข้ากับยุค New Normal มากกว่าเดิม เช่น กั้นห้องให้เกิดบริเวณทำงานที่ชัดเจนด้วยบานเลื่อนหรือผ้าม่านสำหรับห้อง Studio หรือแม้กระทั่งในห้อง 1-2 Bedroom ที่อาจไม่เคยมีบริเวณนั่งทำงานที่ชัดเจนมาก่อน, ปรับปรุงบริเวณครัวให้ตอบโจทย์การทำอาหารในห้อง, ตกแต่งและทำความสะอาดบริเวณระเบียงใหม่ให้กลายเป็นมุมผ่อนคลาย เดินหลบออกมาสูดอากาศในยามเหนื่อยล้าได้ ไม่อูดอู้อยู่แต่ในห้อง เป็นต้น 2. เชิญชวน Target มาชมห้องในรูปแบบ Virtual Tour การเยี่ยมชมโครงการและยูนิตจริงถือเป็นกลยุทธ์สำคัญทั้งสำหรับผู้ขายและผู้ซื้อ ผู้บริโภคย่อมอยากเห็นสภาพจริงของห้องก่อนตัดสินใจ และในขณะเดียวกันผู้ขายก็อยากมีโอกาสโน้มน้าวผู้ซื้อด้วยการโชว์เคสโครงการของตนเอง แต่เมื่อสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขายต้องหาลู่ทางใหม่ในการนำเสนอห้องของตนเอง และหนึ่งในวิธีที่สามารถให้ประสบการณ์การเยี่ยมชมที่คล้ายกับการเยี่ยมชมจริงมากที่สุดแน่นอนคือการจัดทำ VDO Walk Through / Virtual Room Tour 360 ให้ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมโครงการได้อย่างเสมือนจริง,…

12 เช็คลิสต์ในบ้านที่ควรทำความสะอาดเป็นประจำ

การดูแลรักษาทำความสะอาดบ้านและคอนโดเป็นประจำก็เป็นส่วนนึงที่จะช่วยให้มีสุขภาพที่ดีและมีบ้านที่น่าอยู่ วันนี้พลัสฯจึงมีเคล็ดลับการทำความสะอาดที่ควรทำเป็นประจำมาฝาก จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยครับ สิ่งที่ควรทำความสะอาดเป็นประจำทุกวัน 1. กระเบื้องในห้องน้ำ เนื่องจากเป็นห้องที่ใช้ทุกวัน ควรใช้ไม้ทำความสะอาดหุ้มยางที่ใช้สำหรับเช็ดหน้าต่างเช็ดคราบเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา 2. จานอาหารที่ใช้แล้ว ไม่ควรวางทิ้งไว้ข้ามคืน เพราะจะทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรีย 3. โต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัว ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดคราบสกปรกให้สะอาดหลังจากใช้งานเสร็จทุกครั้ง สิ่งที่ควรทำความสะอาดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง 4. ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม หรือตุ๊กตาที่อยู่บนเตียง ก็ควรซัก หรือนำมาตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไรฝุ่น 5. พื้นบ้าน หากคุณมีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง ควรจะทำความสะอาดพื้น 3 ครั้งต่อสัปดาห์ 6. เฟอร์นิเจอร์ สิ่งที่ควรทำก็คือการปัดฝุ่นและเช็ดทำความสะอาด เพื่อไม่ให้ฝุ่นจับจนส่งผลให้บรรยากาศในบ้านดูเก่าหมองไม่น่าอยู่ สิ่งที่ควรทำความสะอาดเดือนละ 1 ครั้ง 7. ล้างเครื่องซักผ้า เครื่องซักผ้าส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมล้างถังซักอยู่แล้ว หลังล้างถังซักผ้า จะมีคราบสกปรกหลุดออกมา ให้ใช้ฟองน้ำเช็ดคราบสกปรกในถังออกอีกครั้ง และเปิดถังให้ระบายความชื้น 8. ไมโครเวฟ ใช้เบคกิ้งโซดาในการเช็ดทำความสะอาดเพื่อช่วยลดกลิ่นอาหารที่หลงเหลืออยู่ 9. พัดลม เช็ดตัวพัดลมให้สะอาด ส่วนตะแกรงและใบพัด ให้ถอดออกแล้วเช็ดด้วยน้ำเปล่าหรือล้างด้วยน้ำยาล้างจาน เสร็จแล้วตากแดดหรือเช็ดให้แห้ง เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ช่วยยืดอายุการใช้งาน และยังช่วยทำลดการกระจายตัวของฝุ่น สิ่งที่ควรทำความสะอาดทุก 6 เดือนครั้ง 10. ล้างแอร์จะทำให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดค่าไฟอย่างน้อย 10% ยืดอายุการใช้งาน และยังช่วยป้องกันเชื้อโรคอีกด้วย 11. ซักพรมและเบาะ ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับพรม และเบาะโดยเฉพาะ เพื่อขจัดคราบสิ่งสกปรก โดยเฉพาะพรม คือแหล่งสะสมฝุ่นเเละไรฝุ่น 12. ผ้าม่าน เป็นเเหล่งสะสมของไรฝุ่นและเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ความสะอาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บ้านน่าอยู่ พลัสฯหวังว่าเคล็ดลับที่นำมาฝาก นอกจากจะช่วยให้คุณทำความสะอาดบ้านได้อย่างเหมาะสม ยังช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย บทความที่เกี่ยวข้อง: 7 เรื่องห้ามลืม ก่อนปิดบ้านไปเที่ยววันหยุดยาว 7 เรื่องควรรู้ของชาวคอนโด เพื่อความน่าอยู่ที่มากขึ้นกว่าเดิม 10 วิธีซ่อมแซมของใช้ในบ้านแบบง่ายๆ ไม่ต้องง้อช่าง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร รับบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง   หาข้อมูลคอนโดที่คุณต้องการได้ที่นี่: คอนโดสุขุมวิท, คอนโดให้เช่า, คอนโดจตุจักร, ขายคอนโด, คอนโดทองหล่อ, ทรัพย์สินรอการขาย, คอนโดพระราม 4, ระบบรักษาความปลอดภัย, บ้านหรู, คอนโดหรู สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลด้านบริหารโครงการได้ที่ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อศึกษาข้อมูลการบริการของเราเพิ่มเติมครับ

5 ข้อต้องรู้ก่อนซื้อทรัพย์สินรอการขาย (NPA) 2025

NPA คืออะไร? NPA หรือ Non-Performing Asset ซึ่งแปลเป็นภาษาไทย คือ ทรัพย์สินรอการขาย หรือ ทรัพย์สินพร้อมขาย หมายถึง ทรัพย์ที่ธนาคารซื้อมาจากการขายทอดตลาดทรัพย์ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ลูกหนี้นำมาเป็นหลักประกันการกู้เงินและหลุดจำนอง หรือทรัพย์ที่ธนาคารได้มาจากการตีมูลค่าทรัพย์สินเพื่อนำมาชำระหนี้คืนธนาคาร ความโดดเด่นของการซื้อบ้านรอการขาย (NPA) คือ ราคาถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 10% – 20 % อาจจะมีราคาถูกมากกว่าหรือน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของบ้านและทำเลที่ตั้ง โดยผู้ซื้อสามารถเข้าไปตรวจสอบสภาพบ้านที่ต้องการซื้อได้ ทำให้ประเมินค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือปรับปรุงได้ง่ายขึ้น   1. ผู้เสนอซื้อสามารถหาทรัพย์สิน NPA ที่ถูกใจได้ด้วยตนเอง ซึ่งผู้เสนอซื้อสามารถหาทรัพย์สินรอการขายได้จากเว็บไซต์ของธนาคารต่างๆ หรือตามเว็บไซต์ของตัวแทนอสังหาฯ ซึ่งหากเข้าตามเว็บไซต์ตัวแทนเหล่านี้ ผู้เสนอซื้อได้รับความช่วยเหลือได้มากกว่า ซึ่งทาง Plus Property มีความยินดีให้ความช่วยเหลือผู้ที่สนในสินทรัพย์ NPA เป็นพิเศษ ซึ่งสามารถติดต่อสอบถาม Plus Property ได้ทุกช่องทาง 2. ผู้เสนอซื้อสามารถและควรตรวจสอบที่ดินและสำรวจสภาพสิ่งปลูกสร้างถ้ามีก่อนยื่นขอจองซื้อ สำหรับการตรวจสอบทรัพย์สินรอการขาย ผู้ซื้อควรนัดหมายเปิดบ้าน ดูรายละเอียด ติดต่อกับหน่วยงานที่ดูแลทรัพย์ของธนาคาร เพื่อนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ให้พาเข้าไปดูบ้านที่ต้องการ นอกจากนี้ผู้เสนอซื้อควรพาผู้รับเหมาหรือผู้เชี่ยวชาญไปดูด้วย เพื่อช่วยดูโครงสร้าง ประเมินค่าซ่อมแซมและปรับปรุงบ้าน 3. ผู้เสนอซื้อควรเสนอราคาซื้อให้สูงกว่าเริ่มต้นขายของธนาคารเสมอ เมื่อได้ทรัพย์สินรอการขายที่ต้องการจะซื้อแล้วให้ผู้เสนอซื้อจัดเตรียมเอกสารเสนอซื้อ และรอผลอนุมัติ – สำเนาบัตรประชาชน – สำเนาทะเบียนบ้าน – เงินประกันการซื้อทรัพย์สิน NPA เมื่อเอกสารพร้อมแล้ว ให้แบบฟอร์มแจ้งความประสงค์ซื้อทรัพย์สินรอการขายและคำเสนอซื้อทรัพย์สินรอการขาย ซึ่งภายในแบบฟอร์มจะประกอบด้วยรายละเอียดส่วนตัวของผู้เสนอซื้อ ราคาที่ต้องการเสนอซื้อบ้านหลังนั้นๆ พร้อมแนบเอกสารตามที่ธนาคารแจ้งขอ อีกทั้งในบางธนาคารจะให้มีการโอนเงินค่ามัดจำ หากไม่โอนเงินค่ามัดจำให้ธนาคาร คำขอซื้อบ้านจะไม่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของธนาคาร เมื่อส่งเอกสารทุกอย่างครบถ้วนแล้ว ให้รอรับผลอนุมัติซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เวลาเพียง 3-5 วันทำการ ซึ่งผู้เสนอซื้อควรตั้งราคาสูงกว่าที่ทางธนาคารตั้งไว้เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในการอนุมัติ ในกรณีนี้ที่ไม่ได้รับการอนุมัติ ธนาคารที่เรียกเก็บเงินค่ามัดจำไว้จะคืนเงินมัดจำให้ และหากทรัพย์สินรอการขายที่ต้องการยังไม่ถูกขาย ก็สามารถทำคำเสนอซื้อใหม่ได้อีก และอาจจะต้องเพิ่มราคาเสนอเข้าไปด้วย หากได้รับอนุมัติจากธนาคารแล้วต้องไปทำสัญญาซื้อขายภายใน 15 วันนับจากวันที่ระบุในหนังสือแจ้งผลการอนุมัติ พร้อมวางเงินทำสัญญา 10% ของราคาเสนอซื้อ โดยขอนับรวมเงินที่วางมัดจำ 1% เป็นส่วนหนึ่งของเงินทำสัญญาได้ ส่วนที่เหลืออีก 90% ต้องชำระด้วยเงินสด หรือกู้เงินจากธนาคารให้เรียบร้อยภายใน 30 วันนับจากวันที่ทำสัญญาซื้อ-ขาย ซึ่งในขั้นตอนการทำสัญญาซื้อ-ขาย บางธนาคารจะให้มาจ่ายเงินค่ามัดจำ 4.ยื่นขอสินเชื่อ ผู้เสนอซื้อควรยื่น Pre-Approve ก่อน Pre-approve สินเชื่อบ้าน หรือ การยื่นประเมินสินเชื่อบ้านในเบื้องต้นนั้นเป็นการขอตรวจสอบสถานภาพทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้  โดยพิจารณาจากราคาซื้อขายบ้านหรือคอนโดที่ผู้ขอสินเชื่อแจ้ง รายได้ รายจ่าย และเครดิตหรือความน่าเชื่อถือ เช่น ติดเครดิตบูโร (ประวัติเสียในการชำระหนี้กับบัตรเครดิตและ/หรือสินเชื่อ) หรือไม่ ชำระค่าบัตรเครดิตครบถ้วนตรงเวลาหรือไม่ หาก Pre-approve ผ่าน หมายความว่า ผู้ขอมีโอกาสดีที่จะขอสินเชื่อผ่าน แต่หากผลเป็นตรงกันข้าม ก็ยังไม่ควรที่จะจองหรือตกลงซื้อบ้านหรือคอนโดกับผู้ขาย 5.สามารถยื่นกู้กับธนาคารอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นธนาคารเจ้าของ NPA เมื่อทำสัญญาซื้อ-ขายแล้ว หากต้องการขอสินเชื่อให้ยื่นขอต่อจากการทำสัญญาดังกล่าว โดยขอสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นธนาคารที่เจ้าของ NPA…

เทียบมาให้ คอนโดสไตล์รีสอร์ท ได้เปรียบอย่างไรในยุค COVID

ในเวลาที่สถานการณ์ทำให้เราต้อง Work from Home อยู่บ่อยๆ คอนโดติดรถไฟฟ้า อาจไม่ใช่ทางเลือกเดียวอีกต่อไป วันนี้พลัสฯ จะพามารู้จักคอนโดสไตล์รีสอร์ท พร้อมเทียบให้ชัดๆ ว่าคอนโดแต่ละแห่งแตกต่าง และน่าสนใจอย่างไรบ้างในช่วงเวลาแบบนี้ พื้นที่สีเขียวเพื่อสุขภาพที่ดีต่อใจ พื้นที่สีเขียวและต้นไม้คือสิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามเมื่อเลือกที่อยู่อาศัยในเมืองอย่างคอนโด แต่หารู้ไม่วาเป็นปัจจัยสำคัญไม่น้อยในการใช้ชีวิตในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยมลพิษทางอากาศเช่นนี้ รายงานวิจัยด้านมลพิษทางอากาศจากปี 2563 ชี้ว่า มลพิษทางอากาศในปัจจุบันกำลังทำให้ประชากรทั่วโลกมีอายุเฉลี่ยลดลงเกือบ 3 ปี และทำให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากถึง 8.8 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้ในประเทศไทยยังมีผู้ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอันเนื่องมาจากมลพิษ มากถึง 44 เปอร์เซ็นต์ จากประชากรทั้งหมด ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มมีกระบวนการการรักษาที่เรียกว่า สวนบำบัด หรือ Horticultural Therapy เห็นได้ชัดจากตามโรงพยาบาลที่นิยมปลูกต้นไม้บำบัด เพราะสีเขียวจากใบไม้ นอกจากจะช่วยระงับความตื่นเต้นและอารมณ์หงุดหงิดแล้ว ยังช่วยปรับสมดุลด้านสภาพจิตใจของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี ต้นไม้สีเขียวเหล่านี้เองที่ช่วยลดอาการเหนื่อยล้า อาการกลัว หวาดระแวง และยังช่วยเสริมสร้างขวัญและกำลังใจได้มากมาย ดังนั้นสำหรับคอนโดสไตล์รีสอร์ทแล้ว เรื่องบรรยากาศธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวเป็นเรื่องที่ต้องมาก่อน นั่นก็เพราะคอนโดสไตล์นี้ผ่านการดีไซน์โดยยึดแนวคิดจากรีสอร์ทเป็นหลัก ทำให้ในหลายๆ โครงการมีบรรยากาศที่สงบ ร่มรื่น และเป็นส่วนตัว ตัดขาดจากความวุ่นวายได้เป็นอย่างดี และเมื่อพูดถึงรีสอร์ทแล้ว การตกแต่งก็ต้องดึงดูดพอเช่นกัน และสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือบรรยากาศที่ต้องใกล้เคียงกับเวลาที่เราไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศให้มากที่สุด ตรงนี้เองที่ทำให้คอนโดสไตล์รีสอร์ทมีพื้นที่สีเขียวที่เด่นชัดไม่น้อยหน้าไปกว่าที่ไหนๆ ในยามตื่นนอนเรามักเจอต้นไม้ใบหญ้าคอยอรุณสวัสดิ์ถึงริมหน้าต่าง และเวลาที่เดินเล่นเราอาจเห็นต้นไม้ที่ไม่คุ้นตานานาพันธุ์มาสร้างสีสันภายในโครงการ สิ่งเหล่านี้คือเรื่องธรรมชาติที่สัมผัสได้เวลาที่เข้ามาอยู่ในคอนโดสไตล์รีอสอร์ทนั่นเองครับ นอกจากนี้ เรื่องทำเลเองก็สำคัญไม่แพ้กัน คอนโดสไตล์รีสอร์ท มักเลือกทำเลที่ตั้งอันมีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นริมแม่น้ำ หรืออยู่ในพื้นที่ที่สงบ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ซึมซับความเป็นธรรมชาติได้มากที่สุด เรียกได้ว่าแทบจะไม่ต่างกับการได้เดินทางไปพักผ่อนในบ้านพักตากอากาศดีๆ ที่ต่างจังหวัดเลยก็เป็นได้ วิวดี ฟีลได้ ถ่ายรูปปัง ขึ้นชื่อว่าเป็นคอนโดสไตล์รีสอร์ท อีกหนึ่งข้อได้เปรียบที่เห็นได้ชัด คือการเป็นสถานที่ที่ Photogenic หรือ ขึ้นกล้อง ส่งผลให้การอยู่ในคอนโดสไตล์รีสอร์ทนี้มีมุม หรือวิวที่น่าถ่ายรูปเยอะเป็นพิเศษ แน่นอนว่าเป็นมุมที่ดูผ่อนคลายเหมือนกับเลาที่มาเที่ยว แต่จะยิ่งกลายเป็นข้อได้เปรียบขึ้นไปอีกตรงที่ เมื่อเป็นคอนโดแล้ว เราอยู่อาศัยในทุกๆ วัน เรียกง่ายๆ ว่า…ยกบรรยากาศแบบวันลาพักร้อนมารวมไว้ให้ถึงในห้องและในพื้นที่ส่วนกลางกันเลยทีเดียว ส่วนกลางก็ดี กิจกรรมก็เด่น ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อคอนโด หรือเช่าคอนโดนั้น คือส่วนกลางของคอนโด ส่งผลให้คอนโดสไตล์รีสอร์ทใส่ใจในเรื่องของส่วนกลางเป็นพิเศษ ดังนั้น ไม่ใช่แค่ความครบครัน หรือการเลือกใช้วัสดุที่ดีเท่านั้นสำหรับคอนโดในรูปแบบนี้ แต่ยังสอดคล้องกับการพักผ่อนและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกบ้านได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เราเห็นส่วนกลางของคอนโดสไตล์รีสอร์ทมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนสที่มีผาจำลอง หรือ Co-Kitchen Space พื้นที่ครัวส่วนกลาง ที่ในบางที่ยังมีการปลูกผักที่สวนไว้บริการลูกบ้าน และที่ขาดไม่ได้ คือพื้นที่ Co-Working Space เพื่ออิสระในการทำงานที่ไม่ถูกจำกัดอยู่แต่ที่ห้อง หรือออฟฟิศเท่านั้น นอกจากนี้ในบางโครงการยังมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง หรือ Outdoor มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดูหนังกลางแปลง หรือบาร์บีคิวริมน้ำ ที่ช่วยให้เราไม่เบื่ออีกด้วย kawa HAUS เปลี่ยนทุกวันให้เป็นวันพักผ่อนสุดสบาย กับคอนโดสไตล์รีสอร์ทริมน้ำในย่านอ่อนนุช คอนโดมีเนียม Low Rise สไตล์รีสอร์ทบนทำเลคุณภาพริมคลองพระโขนง จากแนวคิดของคำว่า “kawa” ที่แปลว่า “น้ำ” สู่ทุกองค์ประกอบที่สื่อถึงความร่มรื่นผ่านเส้นสายความโค้งของน้ำ ตั้งแต่ façade ของอาคารจนถึงระเบียงภายในห้อง ท่ามกลางความสงบของชุมชน T77 ที่มีครบทุกสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น…

รวมข้อมูล คอนโดพระราม 4 บุกลึกย่านพระราม 4 สำรวจโซนที่อยู่สุดไพรเวท

ในเมืองฟ้าอมรอย่างกรุงเทพฯ นี้ ถ้าเราจะเปรียบว่าย่านสุขุมวิทคือพี่ใหญ่แห่งย่านธุรกิจ (CBD) อันแสนสำคัญแล้วล่ะก็ ย่าน “พระราม 4” ก็ถือเป็นพื้นที่ใกล้เคียงที่เปรียบได้กับน้องรองของ ถือเป็นพื้นที่โอบล้อมรอบศูนย์กลางความเจริญที่ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกันอย่างแน่นอน หากเราพิจารณาจากลักษณะทางกายภาพ จะพบว่าถนนเส้น “พระราม 4” ถือเป็นถนนเส้นที่ตีคู่ขนานไปกับเส้นสุขุมวิท ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับย่านธุรกิจมีความสำคัญ แต่ก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้านความเก่าแก่และความขลังแตกต่างออกไป ไล่เรียงมาตั้งแต่ ย่านเยาวราช สถานีรถไฟหัวลำโพง ตลาดสามย่าน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พาดผ่านไปยังจุดสำคัญด้านธุรกิจสมัยใหม่อย่างสีลม สาทร ถนนวิทยุ อาคารมาลีนนท์ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 3 ลากยาวไปจนถึงเขตตลาดคลองเตย ฯลฯ ซึ่งนอกจากย่านพระราม 4 แห่งนี้ จะเป็นทำเลอันเป็นรากฐานของการค้าขายระดับรากหญ้าทางเศรษฐกิจของประเทศแล้ว เมื่อเราเริ่มสำรวจเข้าไปลึกๆ ก็จะพบกับพื้นที่สำหรับการใช้ชีวิต รวมถึงแหล่งที่อยู่อาศัยมากมายอยู่ภายในเลยทีเดียว พระราม 4 พื้นที่อยู่อาศัย ที่ผสมผสานเอาไว้หลากหลายวีถีชีวิต ย่านพระราม 4 นั้น ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่พื้นที่ของกรุงเทพฯ ที่พูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นการผสมผสานระหว่างพื้นที่ทางธุรกิจ ชุมชนที่อาศัยเก่าแก่ และทำเลที่รวมเอาไว้ซึ่งความทันสมัยตามไลฟ์สไตล์คนเมืองเอาไว้ได้อย่างลงตัว ซึ่งภาพรวมของพระราม 4 จะเป็นอย่างไรนั้น ตามมาดูแบบเจาะลึกพร้อมกับเราได้เลย เริ่มต้นด้วยการปักหมุดออกสำรวจตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้า MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ เมื่อเดินขึ้นมาเราจะพบกับ “ชุมชนคลองเตย” หรือชุมชนรอบท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งถือเป็นพื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ที่สมัยก่อนเรามักจะเรียกกันว่าสลัมคลองเตย แต่ปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้กำลังได้รับการพัฒนาจากทางภาครัฐ เพื่อบล้างภาพเดิมๆ สู่การยกระดับเป็นหนึ่งในสมาร์ท คอมมูนิตี้ที่มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อเราลองมองสำรวจอยู่ภายนอก ก็จะพบว่าพื้นที่โซนนี้เริ่มมีการก่อสร้างอย่างเต็มรูปแบบ ที่โดดเด่นกว่าใครในย่านนี้เลยก็คืออาคารแบบมิกซ์ยูสของโครงการ “The PARQ” บริเวณแยกพระราม 4 “The PARQ” ซึ่งเป็นทั้งอาคารสำนักงานเกรด A แหล่งรวมร้านค้าปลีก ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์อาหารตั้งอยู่อย่างโดดเด่น เมื่อเดินสำรวจต่อเนื่องมา เราก็จะพบกับพื้นที่ของ “ตลาดคลองเตย” ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาหารสดขนาดใหญ่ รวมถึงเป็นที่ตั้งของร้านค้าแบบสตรีทฟู้ดที่มีความหลากหลาย ที่สำคัญก็คือตลาดสดแห่งนี้เปิดทำการแทบจะตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว เห็นได้ชัดจากภัตตาคารชื่อดังอย่าง “ศรีทองโภชนา” ร้านอาหารจีนและซีฟู้ดชื่อดังในย่านนี้ ที่เปิดบริการมากว่า 20 ปี ตั้งอยู่ริมถนนเส้นพระรามสี่ ถัดจากตลาดคลองเตยไปไม่ไกลมากนัก “ซอยอารี” ถือเป็นอีกหนึ่งซอยที่มีความคับคั่งน่าสนใจ เพราะเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า พระราม 4 รวมถึงเป็นที่ตั้งของคอมมิวนิตี้มอลล์ขนาดยักษ์อย่าง Asquare และ K Village ทีรวมเอาร้านค้า ร้านอาหารชื่อดังไว้มากมาย แอบกระซิบด้วยว่าใครคิดถึงออนเซ็นญี่ปุ่น ที่นี่มี “ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา” ให้ลองใช้บริการได้ด้วย อาคารมาลีนนท์ ที่ตั้งของสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 3 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่น่าสนใจ เพราะเป็นศูนย์กลางของอาคารออฟฟิศที่มีความคึกคักที่สุดในย่านนี้ อีกทั้งฝั่งตรงข้ามยังมีคอมมิวนิตี้มอลล์ขนาดกลางอย่าง “สวนเพลิน มาร์เก็ต” ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านค้าชื่อดังให้ใช้บริการอีกอย่างสบาย เดินสำรวจต่อมาอีกนิดหน่อย เราก็จะพบกับหนึ่งในโครงการคอนโดมิเนียมที่น่าสนใจที่สุดในย่านพระราม 4 นี้แล้ว นั่นก็คือโครงการ “OKA HAUS” โอกะ เฮาส์ ที่แม้จะอยู่ลึกเข้าไปจากริมถนนเส้นพระราม 4 ไปพอสมควร แต่นั่นก็ถือเป็นจุดเด่นที่มีความน่าสนใจ ในเรื่องของความเป็นส่วนตัวที่ช่วยให้เราสามารถตัดขาดจากความวุ่นวายได้ นับว่าตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้เป็นอย่างดี…