นิติบุคคล คืออะไร มีกี่แบบ และแนะนำขั้นตอนการจดทะเบียนอย่างละเอียด ข้อมูลปี2022

พลัสฯ จะมาแนะนำเกี่ยวกับข้อมูลนิติบุคคลให้ทุกคนได้ทราบกัน และไขข้อสงสัยที่ทุกคนสงสัยกัน โดยเฉพาะเรื่องของขั้นตอนการจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเป็นการเตรียมตัวก่อนเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่เนิ่น จะได้ไม่เกิดปัญหาต่างๆ ในภายภาคหลังที่ได้ลงมือทำธุรกิจหรือกิจการไปแล้ว คำว่า “นิติบุคคล” หลายคนอาจจะคงได้ยินกันบ่อยๆ แต่ยังไม่ทราบความหมายที่แน่ชัด และหน้าที่ของนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นเพื่ออะไร แต่ไม่แปลกที่คนทั่วไปจะไม่ทราบเกี่ยวกับข้อมูลนิติบุคคล เพราะว่าเป็นเรื่องห่างไกลจากชีวิตประจำวันของเรา แท้จริงแล้วนิติบุคคลเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับคนที่กำลังจะเริ่มต้นทำธุรกิจหรือกิจการต่างๆ หากใครที่กำลังจะเริ่มศึกษาเกี่ยวกับนิติบุคคล ต้องไม่พลาดบทความนี้ ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ นิติบุคคลก่อนว่าคืออะไร? ในทางกฎหมาย “นิติบุคคล” คือ สิ่งที่กฎหมายสมมุติให้เป็นบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรซึ่งกฎหมายได้บัญญัติไว้ให้เป็นบุคคล ที่ไม่ใช่บุคคลธรรมดา และมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย บุคคลที่กฎหมายกำหนดขึ้นมาให้มีอำนาจในการกระทำต่าง ๆ เช่น สามารถทำนิติกรรมสัญญาต่าง ๆ สัญญาฟ้องร้องและถูกฟ้องร้องทรัพย์สินของตนเอง นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดา เหมือนกันหรือไม่แล้วแตกต่างกันอย่างไร? บุคคลธรรมดา หมายถึง ผู้ซึ่งมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย โดยนิติบุคคลเหมือนกับบุคคลธรรมดา ถึงแม้ว่านิติบุคคลจะมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา แต่จะไม่สามารถกระทำการเหมือนกับบุคคลธรรมดาได้ทุกเรื่อง ยกเว้นในกรณี สิทธิและหน้าที่บางอย่างซึ่งบุคคลธรรมดามีอยู่นั้น นิติบุคคลจะมีไม่ได้ เช่น สิทธิในด้านครอบครัว สิทธิในทางการเมือง เพราะว่านิติบุคคลเป็นเพียงบุคคลสมมติที่ไม่มีชีวิต ร่างกาย และสติปัญญาเหมือนกับบุคคลธรรมดา ดังนั้นนิติบุคคลจึงต้องมี “ผู้แทนนิติบุคคล” เพื่อแสดงออกถึงสิทธิ หน้าที่ และความประสงค์ของนิติบุคคล กฎเกณฑ์และเงื่อนไขของบุคคลธรรมดา บุคคลธรรมดาจะมีสามารถทำนิติกรรมได้ ต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์หรือได้สมรสแล้วถูกต้องตามกฎหมาย ต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ หากผู้เยาว์ ผู้ไร้ความสามารถ และผู้เสมือนไร้ความสามารถ ตามกฎหมาย จะทำนิติกรรมต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม, ผู้อนุบาล, ผู้พิทักษ์ ตามลำดับตามกฎหมายก่อน นิติบุคคลสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทออกได้ ดังนี้ ประเภทที่ 1 นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีบัญญัติเอาไว้หลายประเภท เช่น ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด เป็นต้น ซึ่งเป็น นิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือธุรกิจ และแบบไม่แสวงหาผลกำไรหรือผลประโยชน์ เช่น มูลนิธิ สมาคม เป็นต้น ประเภทที่ 2 นิติบุคคล ตามกฎหมายอื่น นิติบุคคลตามกฎหมายอื่นที่ไม่ใช่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่น พระราชบัญญัติมหาชนจำกัด พระราชบัญญัติสหกรณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยมีกฎหมายกำหนดให้สามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ เช่น วัด จังหวัด กระทรวง ทบวง กรม องค์การมหาชน เป็นต้น ในบทความนี้เราจะให้ความรู้สำหรับคนที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจหรือขยับขยายธุรกิจ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพื่อทำความเข้าใจประเภทของห้างหุ้นส่วนของ นิติบุคคล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนี้ 1.ห้างหุ้นส่วนสามัญ หมายถึง ห้างหุ้นส่วนที่มีผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทเดียว คือ หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด…
วิธีลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก อัปเดตปี 2565 เอกสารลดหย่อนภาษีบ้าน ที่ควรรู้

หลายคนคงคิดว่าเรื่องการยื่นภาษีเป็นเรื่องใหญ่และไกลตัว แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเคยซื้อบ้าน ซื้อคอนโด รู้หรือไม่ว่าสามารถนำไปลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ถึง 200,000 บาท และสามารถยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90/91 สามารถยื่นภาษีตั้งแต่วันนี้ – 8 เม.ย. 65 สำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ต้องเตรียมเอกสารที่ใช้ลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยบ้านหลังแรกอะไรบ้าง ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะพลัส พร็อพเพอร์ตี้ได้รวมทุกสิ่งไว้ในบทความนี้หมดแล้ว เพียงแค่อ่านบทความนี้จบคุณก็ยื่นหักลดหย่อนภาษีเสร็จพอดี 1. ประเภทของอสังหาฯ ที่อยู่ในเกณฑ์ ประเภทของอสังหาฯ ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีกรณีบ้านหลังแรกได้นั้น เป็นที่อยู่อาศัยทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านพร้อมที่ดิน บ้านแฝด ทาวน์โฮม รวมไปถึงคอนโด ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือมือสองก็ได้ไม่จำกัด แต่ต้องมีราคาซื้อขายไม่เกิน 3 ล้านบาท และจะซื้อด้วยเงินสด หรือเงินผ่อนก็ได้ แต่ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 13 ตุลาคม 2558 – 31 ธันวาคม 2559 ดังนั้น ถ้าโอนกรรมสิทธิ์ไม่ทันช่วงเวลานี้ ก็จะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยบ้านหลังแรกได้เช่นกัน 2. หลักฐานและเอกสารที่ใช้ลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก สำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก อย่าลืมเตรียมหลักฐานและเอกสารที่ใช้ลดหย่อนดอกเบี้ยบ้านต่างๆ ให้พร้อมเพื่อประกอบการยื่นภาษี ซึ่งมีดังนี้ หนังสือรับรองจำนวนเงินที่ชำระค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ (ดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่นี่) หนังสือรับรองการซื้ออสังหาริมทรัพย์ว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลังแรก(ดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่นี่) สำเนาสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน (ท.ด. ๑๓) มีตราครุฑ สำเนาสัญญากู้ยืมเงิน (กรณีกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน) อันนี้ตัวจริงคุณต้องได้จากธนาคารมาอยู่แล้ว 3. สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ เจ้าของบ้านหลังแรกจะใช้สิทธิลดหย่อนได้ 20% ของราคาบ้านที่ซื้อมา โดยจะเฉลี่ยใช้สิทธิเท่าๆ กัน 5 ปี ตัวอย่างเช่น ถ้าซื้อบ้านมาในราคา 3,000,000 บาท จะได้รับค่าลดหย่อน 600,000 บาท (20% ของราคาบ้าน 3,000,000 บาท) ค่าลดหย่อน 600,000 บาทนี้ จะเฉลี่ยใช้สิทธิได้ 5 ปี ตกปีละ 4% หรือ 120,000 บาท เท่ากับ 600,000 ÷ 5 ปี หรือพูดง่ายๆ คือสามารถลดหย่อนสูงสุดได้ไม่เกินปีละ 120,000 บาท นั่นเอง แต่ค่าลดหย่อนดอกเบี้ยบ้านและลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกนี้สามารถใช้ได้จนถึงปีภาษี 2562 หรือ 2563 แล้วแต่ว่าซื้อบ้านหลังแรกในปีไหน แต่การใช้สิทธิจะเริ่มนับตั้งแต่ปีที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งนี้ ระหว่างระยะเวลาใช้สิทธิ 5 ปี หากลืมใช้สิทธิในปีไหนก็จะเสียสิทธิในปีนั้นไปเลยไม่สามารถนำไปทบในปีถัดไปได้อีก 4. ขั้นตอนในการยื่นภาษีออนไลน์ ก็เหมือนกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 จนไปถึงหน้า 5 คำนวณภาษี เพียงกรอกข้อมูลในช่องที่บอกว่า “เงินได้ที่จ่ายเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ (ผู้มีเงินได้)…
แจกพิกัด 10 คาเฟ่ยอดฮิต ถนนเพชรบุรีตัดใหม่-ทองหล่อ รวมมิตรมาให้แล้ว

ถนนเพชรบุรีตัดใหม่-ทองหล่อ ถือเป็นย่านที่รวมทั้งแหล่งกิน แหล่งเที่ยว แหล่งบันเทิง รวมถึงแหล่งโครงการคอนโดมิเนียมที่น่าสนใจอย่างเช่น THE BASE เพชรบุรี-ทองหล่อ oka HAUS หรือจะ taka HAUS รวมไว้ในที่เดียวกันและถ้าจะไม่พูดถึงคาเฟ่ ก็ไม่ได้เพราะย่านนี้ก็มีคาเฟ่ที่น่านั่งอยู่มากมาย ไม่แพ้ที่อื่นกันเลยทีเดียว วันนี้พลัสฯ จะมาเอาใจสายสร้างคอนเทนต์ พามาอัพเดต “คาเฟ่ชิคๆ คูล” ที่จะนั่งชิลทำงาน หรือจะถ่ายรูปอัพลงโซเชี่ยลก็เรียกยอดไลค์กระจาย ตามมาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีคาเฟ่ไหนที่ควรปักหมุดแล้วไปเช็คอินบ้าง เราได้คัดมาให้สำหรับคนที่กำลังมองหาร้านกาแฟใหม่ๆ นั่งจิบกาแฟ ทานขนมอร่อย หรือหามุมสบายนั่งทำงาน อีกทั้งในแต่ละร้านก็ยังมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่แพ้กันเลยทีเดียว 1. NIWO cafe พลาดไม่ได้สายครัวซองค์หอมอร่อยเกินราคาและเครื่องดื่มกาแฟคั่วพิเศษกับร้านสไตล์มินิมอลโทนสีขาว บรรยากาศ feel good อีกทั้งพนักงานบริการดีเลิศ บาริสต้าที่ใส่ใจทุกเมนูเครื่องดื่มสุด ขอบคุณรูปภาพจากจาก Facebook เพจ: niwo cafe เวลาเปิด ทุกวัน เวลา 07:00-19:00 น. 📌 พิกัด: ซอยสุขุมวิท 39 2. Flat+white Cafe เอาใจสายหวานชอบรับประทานเค้กตกแต่งสไตล์เกาหลี คาเฟ่โทนสีขาวถ่ายรูปชุดไหนก็เอาอยู่หรูหรา เครื่องดื่มโกโก้อร่อยมีเอกลักษณ์ อีกทั้งมีเมนูน่าลองอย่างโฮจิฉะ+เฮเซลนัท ใส่ใจสุขภาพที่สุด ขอบคุณรูปภาพจากจาก Facebook เพจ: Flat+white cafe เปิดทุกวันเวลา 09:00-18:00 น. 📌 พิกัด: ทองหล่อ 3. Paco.Bangkok คาเฟ่สไตล์เมืองนอกเมนูสายคลีนกับโยเกิร์ตและผลไม้เปรี้ยวหวานสุดชื่นใจ คัดสรรวัตถุดิบดีเยี่ยมมากไปกว่านั้นยังมีเมนูของคาวด้วยนะ บรรยากาศภายในร้านเหมือนไม่ได้อยู่ประเทศไทยเลย มุมถ่ายรูปเก๋มาก ขอบคุณรูปภาพจากจาก Facebook เพจ: Paco Bangkok เปิดทุกวันเวลา 10:00-20:00 น. 📌 พิกัด: สุขุมวิท49 4. MooMin cafe คาเฟ่ Moominสไตล์เกาหลีน่ารักมาก ยกเหล่าตัวการ์ตูนมาไว้ที่คาเฟ่เอาใจคนรักMoomin เมนูน่ารับประทานไม่ว่าจะเป็นคัพเค้กของหวานและเมนูน้ำลาเต้ โกโก้ ก็อร่อยไม่แพ้กัน พนักงานในร้านก็เอาใจใส่ต้อนรับเป็นกันเอง ขอบคุณรูปภาพจากจาก Facebook เพจ:Moomin Thailand เปิดทุกวันเวลา 10:00-20:00 น. 📌 พิกัด: ตึกSingha complex เพชรบุรีตัดใหม่ 5. ThinkLab creative space and cafe คาเฟ่เปิดใหม่กลิ่นกาแฟหอมในยามเช้าก่อนไปทำงานเพราะว่าทางร้านคัดสรรเมล็ดกาแฟอย่างดี สำหรับใครที่ไม่ชอบกาแฟก็ยังมีเมนูมัทฉะให้ลิ้มลองกันด้วยนะ บรรยากาศในร้านมีพื้นที่ให้ทำงานมุมดีมุมสบายสุด ๆ ใครที่กำลังทำงาน work form home แนะนำมาร้านนี้เลย…
พาชมสวนป่าเบญจกิติ ป่าใหญ่ใจกลางกรุง สวนสาธารณะแลนด์มาร์คใหม่ใกล้ อโศก สุขุมวิท พระราม 4

สวนป่าเบญจกิติ สวนสาธารณะรูปแบบใหม่ย่านอโศก-รัชดา เมื่อเร็วๆ นี้ ชาวกรุงเทพฯ ได้รับมอบสวนสาธารณะที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ในย่านอโศก-รัชดา นั่นคือสวนป่าเบญจกิติเฟส 2-3 ที่จะเข้ามาเป็น “ระบบนิเวศ” แห่งใหม่ใจกลางกรุง เพราะที่นี่จะไม่ใข่แค่สวนสาธารณะ แต่จะเข้ามายกระดับสภาพแวดล้อม และมอบคุณค่าแก่ชาวเมือง ทั้งในแง่การพักผ่อนหย่อนใจ การศึกษาธรรมชาติ และการเป็นพื้นที่ช่วยลดภัยธรรมชาติในอนาคตข้างหน้าอีกด้วย จากโรงงานยาสูบสู่สวนสาธารณะ สวนเบญจกิติแต่เดิมเป็นพื้นที่ตั้งของโรงงานยาสูบ ซึ่งหลังจากโรงงานได้ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดอยุธยา พื้นที่นี้จึงได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะที่มีขนาดกว่า 450 ไร่ โดย “สวนเบญจกิติ” เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2547 มีบึงใหญ่อยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยพื้นที่สำหรับวิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ซึ่งพื้นที่เฟสใหม่ที่เรากำลังจะกล่าวถึงนี้ ได้รับการพัฒนาให้เป็น “สวนป่าเบญจกิติ” และเพิ่งได้มีการเปิดให้เข้าชมได้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ระบบนิเวศที่หล่อเลี้ยงตัวเองได้ ขอบคุณภาพจาก wikipedia สำหรับแนวคิดการพัฒนาสวนป่าเบญจกิติเฟส 2-3 นี้เรียกได้ว่ามีความพิเศษกว่าที่อื่นๆ เพราะถือเป็นการสร้างนิยามใหม่ของสวนสาธารณะที่ไม่ใช่แค่การจัดสวนตาม Landscape เท่านั้น แต่ที่นี่ยังถูกออกแบบให้เป็น “ป่าขนาดย่อม” ที่สามารถเจริญเติบโตไปพร้อมกับเมือง และเน้นสะท้อนความจริงของธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น พันธ์ไม้ที่จะผลัดใบและเปลี่ยนสีสันตามฤดูกาลและสภาพแวดล้อม โดยไม่จำเป็นต้องเขียวชอุ่มตลอดปี แถมยังมีพื้นที่จัดไว้สำหรับ “เกาะต้นไม้กลางบึง” ที่มีร่องน้ำไว้ทำหน้าที่กักเก็บและบำบัดน้ำเสีย พร้อมให้รากต้นไม้ดูดซับน้ำไปใข้หล่อเลี้ยงตัวเองได้ และพื้นที่ชุ่มน้ำส่วนนี้ยังสามารถรองรับน้ำฝนเพื่อป้องกันอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกทางหนึ่งด้วย แหล่งแฮงเอาท์ใหม่ฟังก์ชันจัดเต็ม ขอบคุณภาพจาก City Cracker นอกจากพื้นที่สีเขียวแล้ว สวนป่าเบญจกิติเฟส 2-3 ยังออกแบบสิ่งปลูกสร้างให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่แท้จริงของคนเมือง ไม่ว่าจะเป็น Skywalk ที่ออกแบบให้มีความต่างระดับ ลาดชันบ้าง คดเคี้ยวบ้าง เพื่อเปิดมุมมองให้คนได้เดินชมสวนป่าแบบสมจริง พร้อมจุดถ่ายรูปวิว Panorama ให้แชะแชร์ผ่านโซเชียล และในส่วน Pavilion หรือศาลาชมวิว ที่สร้างไว้ตามจุดต่างๆ ให้เป็นพื้นที่พูดคุยสันทนาการและยังสามารถมองเห็นวิวสวนป่าและบรรยากาศโดยรอบได้ แถมยังมี Amphitheatre หรือ อัฒจันทร์อเนกประสงค์กลางแจ้ง ที่ให้คนมาทำกิจกรรมได้อย่างไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี หรือ จัดอีเวนท์ต่างๆ ด้วยขนาดที่สามารถรองรับได้มากถึง 15,000 คน ซึ่งสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดทั้งมวลนี้ถูกออกแบบในแนวคิด Universal Design ให้เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ สามารถเข้ามาใช้พื้นที่ได้โดยไม่มีอุปสรรค ส่วนอาคารที่เป็นโรงงานยาสูบเก่าจะถูกปรับพื้นที่ให้เป็นโซนกีฬาในร่ม พิพิธภัณฑ์ และยังจะมี Bike Hub โซนขายอุปกรณ์และซ่อมจักรยานอีกด้วย สะพานเขียวเชื่อมสวมลุมฯ ขอบคุณภาพจากเพจ Travelเหรอ ความพิเศษยังไม่หมด เพราะสวนป่าเบญจกิติยังมีการปรับปรุงสะพานเขียวใหม่ เพื่อใช้เป็นทางเดิน วิ่ง และจักรยานที่เชื่อมต่อกับสวนลุมพินีโดยมีระยะทางประมาณ 1.6 กิโลเมตร พร้อมวิวด้านล่างที่สามารถซึมซับบรรยากาศชุมชนที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ ใครที่ยังไม่เคยลองเดินเชื่อมสวนใหญ่ 2 แห่งนี้ เราแนะนำให้มาลองดูกัน แต่อาจต้องเตรียมแรงเอาไว้หน่อย เพราะมีบันไดให้วัดกำลังขาอยู่เรื่อยๆ ตลอดทาง สวนป่าเบญจกิติถือได้ว่าเป็นสถานที่เหมาะเจาะกับการพักร่างพักใจได้เป็นอย่างดี หรือใครที่เบื่อกับการเดินห้าง ที่นี่ก็สามารถเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ใหม่สำหรับสายรักธรรมชาติ หรือหากต้องการสูดอากาศบริสุทธิ์ก็สามารถเข้ามาได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงต่างจังหวัด การเดินทางสู่สวนป่าเบญจกิติ สำหรับการเดินทางสู่สวนป่าเบญจกิตินั้นมีความสะดวกสบาย ด้วยแนวคิดที่ให้เมืองและชุมชนสามารถเชื่อมต่อกับสวนป่าเบญจกิติแห่งนี้ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเราขอแนะนำการเดินทางหลักๆ ออกเป็น 2…
รู้ทัน! ราคาประเมินคอนโด ห้องชุดและที่ดิน สำหรับ ปี 2565

หากใครคิดที่จะลงทุนเกี่ยวกับอสังหาฯ ไม่ว่าเป็น คอนโด ห้องชุดและที่เดิน ต้องไม่พลาดที่จะเช็คราคาประเมินคอนโดก่อน แต่ในปีนี้จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความชะลอตัว และสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ที่ทำให้สภาพเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว จากเดิมราคาประเมินคอนโด 2565 จะต้องประกาศใช้แล้ว ซึ่งข่าวล่าสุดกรมธนารักษ์เตรียมพิจารณาเลื่อนประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินทั่วไประเทศรอบใหม่ออกไปอีก 1 ปี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ราคาประเมินคอนโด ห้องชุดและที่ดินทั่วประเทศในปี 2565 ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 กรมธนารักษ์เปิดเผยว่ายังคงใช้ราคาประเมินเดิมในรอบปี 2559-2563 ลากยาวไปจนถึงสิ้นปี 2565 และถ้าหากใครที่ยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับราคาประเมินคอนโดว่าคืออะไร แล้วเราจะสามารถเช็คราคาประเมินคอนโดได้ที่ไหน พลัสฯมีคำตอบให้ครับ “ราคาประเมิน” ที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆ ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ “ราคาประเมินที่ดิน” และ “ราคาประเมินอาคารชุดหรือห้องชุด” ราคาประเมินที่ดินคืออะไร และ ราคาประเมินอาคารชุดหรือห้องชุด ต่างกันอย่างไร ? ราคาประเมินที่ดิน คือ การตีราคาหรือกำหนดมูลค่าของราคาที่ดินแต่ละแปลงนั่นเอง โดยปกติแล้วราคาประเมินที่ดินจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ตามศักยภาพของทำเลที่ตั้งและความเจริญของทำเล เช่น ถนนตัดใหม่, ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด่วน ห้างสรรพสินค้า แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ส่วน “ราคาประเมินอาคารชุดหรือห้องชุด” คือ การตีราคาหรือกำหนดมูลค่าของราคาอาคารชุด ซึ่งทั้ง 2 ประเภทจะมีกรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแลกำหนดราคากลางเอาไว้ ซึ่งมูลค่าก็จะเป็นไปตามศักยภาพของที่ดินแต่ละแปลงและคุณสมบัติของอาคารชุดหรือคอนโด แต่ละโครงการ รู้ราคาประเมินห้องชุดไว้ได้ประโยชน์ สำหรับนักลงทุนอสังหาฯ ประโยชน์หลักๆ ของราคาประเมินอาคารชุด รวมถึงราคาประเมินห้องชุด-คอนโดเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนอสังหา ก็เพื่อนำมาใช้เป็นคำนวนค่าธรรมเนียมภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ในการทำนิติกรรมอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนอง การซื้อ-ขาย ที่เกิดขึ้น และจะใช้คำนวนค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน โดยส่วนใหญ่จะคิดค่าใช้จ่าย 1-2% ของราคาประเมิน รวมทั้งกรณีที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีความ ศาลก็จะใช้ราคาประเมินนี้ในการคิดค่าความเสียหาย หรือในกรณีนำสินทรัพย์ไปค้ำประกัน ลงทุน ธุรกรรมต่างๆ ส่วนประโยชน์อื่นๆ สำหรับนักลงทุนอสังหาแล้ว ข้อมูลราคาประเมินที่ดินและราคาประเมินห้องชุดเหล่านี้ สามารถนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนอสังหาในรูปแบบต่างๆ หรือรวมถึงการประเมินศักยภาพของแต่ละทำเลที่จะเลือกลงทุนอสังหาได้ด้วย โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์ศักยภาพของทำเลและศักยภาพของโครงการในอนาคตเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน อัพเดทราคาประเมินที่ดิน-คอนโด-อาคารชุด ปี 2565 หากต้องการเช็คราคาประเมินคอนโด 2565 นี้ควรทราบก่อนว่าราคาประเมินที่ดิน และราคาประเมินอาคารชุด-คอนโด จะมีการอัพเดททุกๆ 4 ปี สำหรับราคาที่ประเมินดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เป็นของรอบประเมินเดิม 2559-2562 ที่ผ่านมากรมธนารักษ์เคยประกาศเลื่อนใช้ราคาที่ดินประเมินใหม่ไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยได้เลื่อนใช้จากต้นปี 2563-2564 และยาวไปจนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งปี 2564 นี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมธนารักษ์ระบุว่าสามารถใช้ราคาประเมินที่ดินรอบปัจจุบันอยู่ที่ ระหว่างปี 2563-2564 ได้ (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ใช้ไปพลางก่อน โดยอัตราการเปลี่ยนแปลงภาพรวมทั้งประเทศ ราคาเพิ่มเฉลี่ย อยู่ที่ 8.81-10% จากภาวะเศรษฐกิจ ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย จากการสำรวจราคาที่ดิน ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า…
แนะนำคอนโดจตุจักรที่เหมาะกับชาว First Jobber!

คนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่อย่าง First Jobber หรือเด็กจบใหม่ ช่วงอายุ 22-25 ปี เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้และปรับตัว พร้อมแสวงหาสิ่งดีๆ ให้กับชีวิต และยังวาดฝันถึงความมั่นคงในชีวิต แต่ First Jobber ในยุคนี้ มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและมีวิถีชีวิตแตกต่างไปจากมนุษย์เงินเดือนในยุคก่อนๆ เพราะคนเจนนี้มองหาชีวิตแบบ Work-Life Balance กันมากขึ้น “เวลา” จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้สามารถจัดสรรชีวิตได้ตามความต้องการ การมองหาตัวช่วยในการประหยัดเวลาชีวิตด้วยการอาศัยอยู่ในคอนโดใกล้รถไฟฟ้า จึงเป็นทางออกที่ลงตัว และคอนโดราคาล้านต้นๆ อย่างคอนโดจตุจักรก็ยิ่งตอบโจทย์กับ First Jobber วัยสร้างตัวที่ยังมีรายได้ไม่สูงมากนัก ย่านจตุจักร-สะพานควายนับเป็นอีกย่านฮอตฮิตที่ชาวออฟฟิศหลายๆ คน เลือกมาอยู่อาศัยกัน ด้วยการเดินทางที่สะดวก ใช้เวลาเดินทางเข้าย่านใจกลางเมืองและย่านธุรกิจอย่าง CBD ได้ไม่ถึง 30 นาที มีระบบขนส่งสาธารณะที่สามารถเดินทางออกไปชานเมืองและต่างจังหวัดได้ง่าย ไม่ว่าจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนก็สามารถตอบโจทย์ได้ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ตลาดนัดจตุจักร สวนสาธารณะ และโรงพยาบาล ที่สำคัญยังมีคอนโดจตุจักรสะพานควายล้านต้นๆ ให้จับจองกันอยู่ด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมทำเลจตุจักร-สะพานควายเป็นตัวเลือกที่ชาว First Jobber มองหา ไม่ว่าจะซื้ออยู่อาศัยเองหรือซื้อเพื่อการลงทุนก็คุ้มค่าแน่นอน วันนี้พลัสฯ จะมาขอแนะนำคอนโดจตุจักร สะพานควาย น่าอยู่ พร้อมแนะนำการวางแผนซื้อคอนโดฉบับมือใหม่ จะต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่และวางแผนกู้อย่างไรให้ผ่านฉลุย 3 ขั้นตอนวางแผนซื้อคอนโดสำหรับมือใหม่ 1.สำรวจความต้องการ สิ่งแรกที่ควรทำคือการสำรวจความต้องการของตัวเอง ว่าต้องการซื้อคอนโดไปเพื่อจุดประสงค์อะไร เช่น เพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อการลงทุน เพราะจะมีปัจจัยที่จะพิจารณาแตกต่างกัน ซึ่งการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน จะช่วยในการเลือกคอนโดได้ตรงความต้องการและกำหนดขอบเขตของงบประมาณได้ชัดเจนมากขึ้น 2.ตรวจสอบสถานะการเงิน ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ถึงจะซื้อคอนโดได้ สามารถพิจารณาจากรายได้ต่อเดือนและสภาพคล่องทางการเงิน โดยการกู้เงินธนาคารเพื่อซื้อคอนโดนั้น จะต้องคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน เพื่อดูว่าธนาคารสามารถให้วงเงินกู้ได้เท่าไหร่ ก่อนอนุมัติวงเงินสินเชื่อได้ แล้วจึงมองหาราคาคอนโดที่ครอบคลุมกับวงเงินกู้ที่ธนาคารให้ได้ โดยสามารถคำนวณความสามารถในการผ่อนสูงสุดต่อเดือนและวงเงินกู้ได้ ดังนี้ ความสามารถผ่อนชำระต่อเดือน = (เงินเดือน x 40%) – ภาระหนี้สินอื่นๆ เช่น มีเงินเดือน 15,000 บาท และไม่มีภาระหนี้สินอื่น จะมีความสามารถในการผ่อนชำระอยู่ที่ 6,000 บาทต่อเดือน และเงินเดือน 20,000 บาท จะมีความสามารถในการผ่อนชำระอยู่ที่ 8,000 บาทต่อเดือน วงเงินที่สามารถกู้ได้ = 1,000,000 x ความสามารถผ่อนชำระต่อเดือน/7,000 จากการประเมินคร่าวๆ จะคำนวณจำนวนเงินผ่อนชำระต่องวด 7,000 บาท ต่อยอดหนี้ 1 ล้านบาท เท่ากับว่าหากมีเงินเดิน 15,000 บาท จะมีวงเงินที่สามารถกู้ได้ประมาณ 857,143 บาท และเงินเดือน 20,000 บาท…
ส่องมาตรฐานงานบริหารอาคาร PROPERTY MANAGEMENT ของบริษัทนิติบุคคลมืออาชีพต้องมีอะไรบ้าง?

การมองหาบริษัทบริหารอาคารชั้นนำมาบริหารโครงการที่พักอาศัย ทั้งคอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ต้องเลือกบริษัทบริหารอาคารมืออาชีพด้าน Property Management เข้ามาช่วยดูแล นอกจากเรื่องความเชี่ยวชาญ และพนักงานมีใจรักบริการแล้ว มาตรฐานงานบริหารอาคารก็เป็นเรื่องสำคัญ จะมีมาตรฐานในเรื่องใดบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้เลย ตัวชี้วัดความน่าอยู่ และความสุขของผู้พักอาศัยนอกเหนือจากความสวยงาม การออกแบบโครงการแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ การมีบริษัทบริหารอาคาร หรือ บริษัทบริหารนิติบุคคล ที่ผู้พักอาศัยสามารถไว้วางใจ และพึ่งพาได้ เข้ามาบริหารจัดการดูแล จัดการกฎระเบียบ ให้ผู้พักอาศัยสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น สงบสุข การบริหารจัดการอาคารชุด คอนโดมิเนียม หมู่บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องการผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เข้ามาดูแล ทั้งในเรื่องของกายภาพโครงการ ระบบงานวิศวกรรม สิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย กฎระเบียบการพักอาศัย การจัดการด้านงบประมาณ บัญชี การบริการอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของร่วม ผู้เช่า ผู้พักอาศัย นักลงทุน ฯลฯ และอีกหลายส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานเอกชน และราชการ ดังนั้นเหล่าคณะกรรมการนิติบุคคล และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังมองหาบริษัทบริหารอาคาร เข้ามาบริหารจัดการงานนิติบุคคลคอนโด นิติบุคคลหมู่บ้าน สามารถเลือกพิจารณาบริษัทที่มีมาตรฐานงานบริหารอาคารได้ดังนี้ มาตรฐานการจัดตั้ง รับ-ส่งมอบ โครงการ สำหรับการจัดตั้งโครงการใหม่ หรือรับมอบจากบริษัทบริหารชุดเดิม เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถจัดเตรียมระบบ ข้อมูล สำรวจพื้นที่ และรายการทรัพย์สิน ให้พร้อมก่อนสัญญาการบริหารจะมีผลบังคับใช้ ในส่วนของ Plus Living Management เรามีทีมสนับสนุนส่วนกลางที่จัดตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะเรียกว่า SET UP TEAM ทำหน้าที่จัดตั้ง รับ-ส่งมอบ โครงการ พร้อมออกแบบความต้องการในโครงการที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปบริหารในแต่ละโครงการ มาตรฐานการจัดตั้ง รับ-ส่งมอบ โครงการมีขั้นตอนปฏิบัติ ดังนี้ ร่วมสำรวจพื้นที่ในโครงการที่ได้รับว่าจ้าง จัดทำ กำหนดแผนงาน สำหรับรับมอบโครงการ หลังสำรวจโครงการ จัดเตรียมระบบ และเอกสารการทำงานที่เกี่ยวข้อง ฝึกอบรมระบบมาตรฐานการทำงานให้แก่พนักงานประจำโครงการ บริษัทคู่สัญญา จัดทำรายการทรัพย์สิน และเครื่องจักรส่วนกลาง เพื่อการตรวจสอบ และควบคุม จัดเก็บข้อมูลโครงการ เอกสารสำคัญของโครงการ อาทิ แบบแปลนโครงการ แบบงานระบบอาคาร หนังสือจดทะเบียนนิติบุคคล มาตรฐานการจัดการด้านกายภาพ บทบาทสำคัญของบริษัทบริหารโครงการที่พักอาศัยที่มีหน้าที่โดยตรง คือ การช่วยรักษา และเพิ่มมูลค่าโครงการ บริษัทนิติบุคคลมืออาชีพมีส่วนสำคัญอย่างมากในการดูแล ทำนุบำรุง ภาพรวมกายภาพโครงการ สภาพอาคาร พื้นที่ส่วนกลาง ทรัพย์สินส่วนกลาง สภาพแวดล้อม และภูมิทัศน์โครงการ ให้มีสภาพสวยงาม สะอาด พร้อมใช้งาน และเหมือนใหม่อยู่เสมอ ยิ่งนิติบุคคลมีศักยภาพ และความพร้อมในการดูแลอาคารมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะช่วยรักษา และเพิ่มมูลค่าของโครงการมากเท่านั้น ตัวอย่างมาตรฐานการจัดการด้านกายภาพที่ Plus…
“ให้ธรรมชาติเยียวยา” ทำไมมนุษย์ยังโหยหาพื้นที่สีเขียวในที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองกรุง?

ในขณะที่เรากำลังนั่งทำงาน Work from home อยู่กับบ้าน หรือใครที่เริ่มไปทำงานที่ออฟฟิศบ้างแล้ว ก็ต้องเจอกับแสงนีออนและแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เป็นประจำ “พื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติ” ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ ได้ เรียกได้ว่ามนุษย์นั้นมักจะโหยหาสิ่งที่เรียกว่าสภาพแวดล้อมธรรมชาติ ให้กับตัวเองอยู่เสมอจนเป็นเรื่องปกติ ยิ่งเมื่อเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 และการต้องล็อกดาวน์อยู่กับบ้านโดยที่ไม่ได้ออกไปไหนในช่วงปีที่ผ่านมา ก็ยิ่งทำให้เราต่างก็โหยหาความต้องการพื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติยิ่งกว่าที่คิด ซึ่งแม้การพยายามพาตัวเองออกเดินทางไปท่องเที่ยวจะช่วยได้บ้าง แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ใกล้ๆ ตัว แม้จะอยู่ท่ามกลางเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความเจริญก็ตาม ประโยชน์ของพื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติส่งผลดีกับคนอย่างเราในแง่มุมไหนบ้าง? ถ้าจะถามว่าธรรมชาติส่งผลยังไงกับคนเมืองอย่างเราๆ ในแง่ของการศึกษาวิจัยทางวิชาการแล้ว Edward Osborne Wilson นักชีววิทยาชาวอเมริกันได้ให้คำนิยามของมนุษย์ว่า เราทุกคนต่างก็มีความเป็น “Biophilia” ซึ่งก็คือสัญชาติญาณความต้องการในการใฝ่หาชีวภาพให้กับชีวิต ซึ่งเจ้าสัญชาติญาณนี่เอง ที่ทำให้มนุษย์อย่างเรามักจะรู้สึกสดชื่น เบิกบานใจราวกับได้ทุกปลดปล่อยทุกครั้งเมื่อได้สัมผัสกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์ หากเราสลับมุมมองมาดูในแง่ทางวิทยาศาสตร์บ้าง ก็อย่างที่รู้กันว่า ประโยชน์ของต้นไม้ ธรรมชาติ และพื้นที่สีเขียวนั้น ก็คือความสามารถในการปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากต้นไม้จะคอยช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ซึ่งจะได้ผลลัพธ์เป็นการปลดปล่อยก๊าซออกซิเจน (O2) ซึ่งจำเป็นต่อการหายใจของเราออกมา ยังไม่รวมถึงคุณสมบัติของต้นไม้ ที่สามารถช่วยลดอุณหภูมิของพื้นที่เมืองโดยรอบได้จากร่มเงา และการดูดซับเพื่อคายความชื้นออกมา และอีกประเด็นที่สำคัญก็คือ ถ้าเรามองในแง่ของจิตวิทยาแล้ว ประโยชน์ของพื้นที่สีเขียวที่ส่งผลต่อคนเมืองอย่างเรานั้น ก็คือผลลัพธ์ที่เกิดจากการรับรู้สี และสีเขียวของต้นไม้เป็นสีที่ให้ความรู้สึกสบายตา ไม่ดูร้อนแรง ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มประโยชน์ให้กับพื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติได้โดยไม่มีข้อโต้แย้ง พื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติ ส่งผลต่อชีวิตคนเมืองของเรายังไงบ้าง? สำหรับเมืองหลวงที่มีประชากรอยู่กันหนาแน่นนั้น นักวิชาการได้มีการกำหนดดัชนีชี้วัดความอยู่ดีมีสุขของประชากร (Well-being indicator) ขึ้นมา ซึ่งการที่ดัชนีนี้จะเพิ่มขึ้นได้นั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญก็คือ เมืองแห่งนั้นจะต้องมี “พื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติ” ที่มีคุณภาพ ในปริมาณที่เหมาะสม ตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งที่อยู่อาศัย ทั้งยังต้องเดินทางสะดวกไปพร้อมกัน ข้อดีของพื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติที่ส่งผลต่อผู้อยู่อาศัยในสังคมเมือง พื้นที่สีเขียวส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้อยู่อาศัย ต้นไม้และพืชที่มีเพียงพอ จะช่วยลดอุณหภูมิของเมืองลงได้ ทั้งยังลดมลภาวะทางเสียงได้ หากมีพืชที่หนาแน่นเพียงพอ ช่วยลดมลพิษทางอากาศ อันเกิดจากการสะสมของฝุ่นควันในเมือง ช่วยสร้างระบบนิเวศที่ดี จากการเข้ามาอยู่อาศัยของนก ปลา แมลง และสัตว์อื่นๆ ต้นไม้ขนาดใหญ่จะช่วยป้องกันการกัดเซาะพังทลายของดินได้ สามารถช่วยปรับปรุงระบบการบำบัดน้ำเสียได้ในระดับหนึ่ง เป็นพื้นที่ ที่เป็นแหล่งเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน สามารถทำกิจกรรมร่วมกัน และสัมผัสกับธรรมชาติได้โดยไม่ต้องลำบาก เป็นพื้นที่สำหรับให้ผู้อยู่อาศัยสามารถมาออกกำลัง ขยับร่างกายได้มากขึ้น เป็นการส่งเสริมการมีสุขภาพดีของคนเมืองในทางอ้อมได้ แต่ก็อย่างที่เรารู้กันว่า พื้นที่สีเขียวในเมืองนั้นเป็นของหายาก โดยเฉพาะในเมืองหลวงที่มูลค่าของที่ดินมีการเติบโตอยู่ในทุกๆ ปี ทำให้โอกาสที่คนทั่วไปจะได้สัมผัสกับพื้นที่สีเขียวที่ได้คุณภาพในเมืองนั้นจึงมีน้อยตามไปด้วยนั่นเอง พื้นที่สีเขียวที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ปอดของกรุงเทพฯ” มีที่ไหนบ้าง? แต่อย่างไรก็ดี สำหรับใครที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และโหยหาพื้นที่สีเขียวนั้น ก็ไม่ถือว่าไร้โอกาสจนเกินไปนัก เนื่องจากทางรัฐบาลเองก็ได้เล็งเห็นความสำคัญ และส่งเสริม รวมถึงดูแลรักษาพื้นที่สีเขียวขึ้นภายในเมืองอย่างต่อเนื่อง (แม้จะมีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร) โดย จากข้อมูลการจัดอันดับของ Tripadvisor ได้ระบุว่า สวนสาธารณะที่เป็นพื้นที่สีเขียวซึ่งเปรียบเสมือนกับปอดของคนกรุง ที่ได้รับความนิยมที่สุด มีดังนี้ สวนลุมพินี (สีลม) ถือเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในเขตปทุมวัน จุดเด่นของสวนลุมพินีนั้น ก็คือความสะดวกสบายในการเดินทาง รวมถึงความร่มรื่นที่มาพร้อมสระน้ำขนาดใหญ่ สามารถเดินทางได้ง่ายๆ…
บริษัท PROPERTY MANAGEMENT บริหารจัดการคอนโดอย่างไร ให้คงความสวยงาม ปลอดภัย เพิ่มมูลค่า

การดูแลซ่อมแซมด้านกายภาพ และระบบของโครงการ เป็นหนึ่งในหน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้บริหารอาคารนิติบุุคคลอาคารชุด หรือบริษัท Property Management ที่ต้องบำรุงรักษาสภาพโครงการ เสริมภาพลักษณ์ที่ดี และเพิ่มมูลค่าให้แก่โครงการที่พักอาศัย เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย และสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีให้แก่ลูกบ้าน การว่าจ้างบริษัทบริหารงานนิติบุคคล หรือ บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Property Management เพื่อเข้ามาดูแลโครงการที่พักอาศัย ควรต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายๆ ด้านทั้งทางด้านงานบริการ การบริหารจัดการพื้นที่ภายในโครงการ ระบบวิศวกรรมอาคาร ภูมิทัศน์ การบริหารงบประมาณ รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างๆ บริษัทบริหารอาคารที่มีประสบการณ์ มักจะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางคอยวางกลยุทธ์ จัดการประเมินความเสี่ยง ตรวจสอบศักยภาพโครงการให้อยู่เสมอ จะสามารถจัดการรายละเอียดการบริหารโครงการได้อย่างเป็นมืออาชีพ เปลี่ยนความกังวลให้เป็นความสบายใจด้วยทีมงานบริหารอาคารมืออาชีพ กับระบบงานที่ตรวจสอบได้จาก Plus Living Management พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Property Management อันดับต้นๆ ในประเทศไทย มาพร้อมทีมสนับสนุนส่วนกลางมืออาชีพในทุกด้านของการบริหารอาคารตั้งแต่ต้นจนจบ มีระบบงานที่ถูกออกแบบมาให้ควบคุมการทำงานเชิงรุก ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ทำให้ภาพลักษณ์โครงการสวยงาม ระบบต่างๆ พร้อมใช้งาน งานบริหารโครงการเป็นไปตามแผน สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดี ด้วยทีมงานที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐาน ทำงานด้วยใจ พร้อมนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ในการบริหารอาคาร และการอยู่อาศัยในทุกรูปแบบ ด้วยบทพิสูจน์กว่า 300 โครงการที่โครงการชั้นนำมั่นใจ พร้อมเลือกใช้บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคลคอนโด กับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ คลิกที่นี่ เพื่อปรึกษางานบริหารอาคารที่ครอบคลุมทุกมิติการอยู่อาศัย มั่นใจยิ่งขึ้นกับทีมสนับสนุนส่วนกลางจาก Plus Living Management ทีมสนับสนุนส่วนกลางจากพลัสฯ เป็นทีมที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการดำเนินงานให้ฝ่ายจัดการโครงการครอบคลุมในทุกด้านของการบริหารอาคาร เพื่อให้งานบริหารโครงการเป็นไปตามแผน ตรวจสอบได้ และสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีของทุกโครงการภายใต้การดูแลจากพลัส พร็อพเพอร์ตี้ Set Up Team หัวใจหลักของการรับมอบงาน คือ ถูกต้อง ครบถ้วน ไร้รอยต่อ พลัสฯ มีฝ่ายปฏิบัติการ Set up โดยเฉพาะ มีหน้าที่ช่วยให้การรับมอบงานครบถ้วน ฝ่ายจัดการฯ ประจำโครงการพร้อมปฏิบัติงานอย่างราบรื่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ทันที โดยไม่รู้สึกติดขัด Engineering & Maintenance Support Team ระบบวิศวกรรมในอาคาร และที่พักอาศัยต้อง ปลอดภัย และ พร้อมใช้งาน พลัสฯ มีฝ่ายวิศวกรรม และงานซ่อมบำรุง ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ให้การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง ทุกแง่มุมด้านงานระบบวิศวกรรมอาคาร ทั้งตรวจสอบ วางแผน และดูแลบำรุงรักษา เพื่อให้ระบบต่างๆ ภายในอาคารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ Organization and Quality Management Team ตรวจสอบ พัฒนา แก้ไข บริการ…
ไขข้อข้องใจ ซื้อคอนโดยุคนี้ ควรมีอะไรบ้าง? ถึงเรียกได้ว่าคุ้มค่า

ในวันที่อสังหาฯ เติบโตต่อเนื่อง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาที่อยู่อาศัยสักแห่ง แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคอนโดที่เราเลือกนั้นดีและเหมาะสมกับเราจริง โดยเฉพาะในเวลาที่สถานการณ์ไม่แน่นอน ทุกเม็ดเงินที่เสียไปจึงต้องทำให้เรามั่นใจได้ว่าคุ้มค่า วันนี้พลัสฯ จะพาไปไขข้อข้องใจในเรื่องนี้กันว่า…มีอะไรที่เราต้องคำนึงบ้าง เมื่อเป็นเรื่องของการซื้อคอนโดในปี 2021 นี้ ทำเลยังเป็นทุกอย่างหรือไม่? ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียม สิ่งแรกที่เรามักนึกถึง คือเรื่องของทำเล ที่มักเป็นตัวชี้วัดถึงมูลค่าเบื้องต้นของโครงการ และเป็นจุดขายอันดับต้นๆ ที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มักนำมาชู ด้วยการเติบโตของรถไฟฟ้าและการขยายของตัวเมือง ทำให้ทำเลเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องของรถไฟฟ้า ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางได้เป็นอย่างดี ทำให้โครงการอยู่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า หรือใจกลางย่านสำคัญ (Prime Area) สามารถทำราคาได้สูง เพราะส่งผลให้ราคาในการปล่อยเช่า และเก็งกำไรขายต่อในอนาคตสูงตามราคาที่ดินไปด้วย Quattro by Sansiri | หนึ่งในโครงการใจกลางทองหล่อที่เคยสร้างปรากฎการณ์ Sold Out ในเวลาอันสั้น และมูลค่าถีบตัวขึ้นจากราคาเปิดตัว จากทำเลใจกลางทองหล่อ คุณภาพของการพัฒนาโครงการของแสนสิริ และการดูแลของ Plus Property อย่างไรก็ตาม การอยู่ในย่านใจกลางเมืองหรือทำเลที่ติดถนนใหญ่ใกล้รถไฟฟ้าเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีข้อด้อยในด้านความวุ่นวาย และความเป็นส่วนตัว และในปัจจุบัน ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมีความหลากหลายมากขึ้น และให้ความสำคัญในมุมอื่นๆ มากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากต้องแลกกับการอยู่อาศัยที่ทิ้งห่างออกไปจากบริเวณสถานีรถไฟฟ้ามากขึ้น แต่ได้มาด้วยความเป็นส่วนตัว หรือบริเวณที่พักอาศัยที่สามารถตัดขาดจากความวุ่นวายได้ ก็ถือได้ว่ามีความคุ้มค่าสำหรับผู้อยู่อาศัยบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าชาวต่างชาติ ที่เทรนด์เริ่มมีการเปลี่ยนจากการเช่าอาศัยบริเวณสุขุมวิทตอนต้นหรือตอนกลางเส้นหลัก ไปอยู่ที่บริเวณสุขุมวิทตอนปลาย เพื่อที่นอกจากจะได้ในราคาถูกกว่า ยังลดความหนาแน่นของผู้คน หรือไปอยู่ในโครงการที่มีความเป็นชุมชนมากขึ้น kawa HAUS | คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ทที่กำลังมาแรงในหมู่ชาวไทยและต่างชาติ ด้วยจุดเด่นที่ให้บรรยากาศเหมือนไปเที่ยวที่พักตากอากาศ ทำเลที่ห่างไกลความวุ่นวายของเมือง และความสะดวกที่ครบครันของชุมชน T77 จุดนี้เองที่ทำให้หลายโครงการในปัจจุบัน ที่แม้ไม่ได้อยู่ในทำเลเส้นหลักที่ใกล้รถไฟฟ้า หรือย่านธุรกิจ แต่ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้งในเรื่องของส่วนกลาง และจุดดึงดูดของย่านที่ตั้งของโครงการ ที่นับได้ว่าเป็นมูลค่าที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน มายาคติ อยู่คอนโดได้ไม่เหมือนอยู่บ้าน ด้วยภาพจำในอดีตของการอยู่อาศัยในตึกแถวและมีพื้นที่จำกัด ทำให้หลายคนมักนึกถึงประสบการณ์การอยู่คอนโดว่าคับแคบ อึดอัด และขาดความเป็นชุมชน เพราะมองว่าการอาศัยอยู่ในเมืองนั้นไม่ปลอดภัย โดยอาจจะไม่ทันได้นึกไปว่า สำหรับโครงการคอนโดจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่น่าเชื่อถือนั้น ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ และเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้หลายคนหันมาอยู่คอนโดกันมากขึ้นในปัจจุบัน เสน่ห์ของการอยู่หมู่บ้าน คือสวนส่วนกลางและพื้นที่ แต่สำหรับคอนโดในโครงการ T77 มีพื้นที่ส่วนกลางของโครงการที่ให้บรรยากาศที่สงบเหมือนอยู่ในหมู่บ้าน จึงมีบรรยากาศที่ไม่ต่างจากอยู่บ้านตามไปด้วย บรรยากาศของการอยู่คอนโดที่เป็นชุมชนและมีความน่าอยู่นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปสำหรับหลายโครงการในยุคนี้ เพราะทีมบริหารโครงการในปัจจุบันไม่ได้ทำหน้าที่เพียงดูแลความเรียบร้อยภายในอาคารเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศของการอยู่อาศัยที่ดี ผ่านการดูแลที่ใส่ใจเหมือนคนในครอบครัว การจัดกิจกรรมต่างๆ จนถึงการปลูกผักเพื่อนำผลผลิตมาแบ่งปันสู่ลูกบ้าน สิ่งเหล่านี้ล้วนประกอบสร้างให้การอยู่อาศัยในคอนโดไม่น่าเบื่อ และนับเป็นสิ่งที่ทีมงาน Plus Living Management ได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด จนเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้การอยู่อาศัยภายในการดูแลของ Plus Property มีความแตกต่างและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัยในทำเลแบบไหนก็ตาม Supply ที่ล้นตลาด ในเวลานี้ จะรู้ได้อย่างไรว่าคอนโดที่เราเลือก จะใช่เราจริงๆ? แม้ว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาดโควิด-19…