เปิดโครงการบ้านหรู 3 สไตล์ใจกลางกรุง พร้อมสระว่ายน้ำ

การซื้อบ้านก็เหมือนการเลือกซื้ออนาคตของครอบครัว เพราะบ้านไม่เพียงเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่สำหรับการอยู่อาศัยและให้ความปลอดภัยกับครอบครัวของเราแล้ว แต่บ้านยังเป็นสถานที่ที่เราสามารถกำหนดให้สอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พักผ่อน สถานที่ทำกิจกรรม สถานที่สานสัมพันธ์ของครอบครัว หรือเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่ครบจบในที่เดียว ซึ่งก่อนการเลือกซื้อบ้านสักหลังจำเป็นจะต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน เช่น ทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และสิ่งอำนวยความสะดวกรอบข้าง เพื่อให้ครอบครัวของเราอยู่อาศัยได้อย่างมีความสุขในคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด สำหรับโครงการบ้านหรูนั้นถือว่าเป็นรูปแบบโครงการที่ช่วยคัดสรรและรวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดมาให้ผู้อยู่อาศัยแล้วในระดับหนึ่ง ทำให้ผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยพึงพอใจและคลายกังวลได้ในหลายๆ ด้าน อีกทั้งโครงการบ้านหรูนั้นมีข้อดีต่างจากโครงการบ้านเดี่ยวทั่วไปอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ทำเลที่ตั้ง วัสดุที่ใช้ แนวคิดในการออกแบบ เทคโนโลยีความปลอดภัย จำนวนยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย เป็นต้น นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา อีกหนึ่งโครงการบ้านหรูกลางกรุงที่น่าสนใจ เหนือระดับกว่าด้วย นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา คลิก ทำให้บ้านหรูมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่หลักสิบล้านบาทไปจนถึงหลักร้อยล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปตามแต่ละโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านราคา 100 ล้านนั้นยิ่งมีความพิเศษมากกว่า เรามาดูกันว่าบ้าน 100 ล้านนั้นจะมีจุดเด่นอะไรกันบ้าง  จุดเด่นของโครงการบ้านหรู 100 ล้าน สภาพแวดล้อมและเพื่อนบ้านที่ดี โครงการบ้านหรูหลายโครงการมักจำกัดจำนวนยูนิต เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่หลีกเลี่ยงการมีปัญหากับเพื่อนบ้านได้ดี อีกทั้งราคาของบ้านนั้นค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ที่มีกำลังซื้อนั้นมีรูปแบบสังคมและไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกัน และพัฒนาสู่การเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันได้ นอกจากนี้บางโครงการมีระบบในการคัดกรองผู้อยู่อาศัย และตรวจสอบความต้องการของแต่ละคนให้เหมาะสมกันได้อีกด้วย ทำให้สภาพแวดล้อมของโครงการบ้านหรู 100 ล้านนั้น เรียกได้ว่าเป็นระดับพรีเมียมที่ทำให้น่าอยู่อาศัยมากทีเดียว ความปลอดภัยและสุขอนามัย โครงการบ้านหรู เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง ทำให้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ทั้งในส่วนของเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยของโครงการและตัวบ้าน เช่น การมีประตูหลายชั้นเพื่อคัดกรองคนเข้า-ออก การติดเซนเซอร์บริเวณรั้วโครงการ การใช้เทคโนโลยี AI จดจำใบหน้าของผู้อยู่อาศัย และวิเคราะห์หาบุคคลต้องสงสัยกรณีเกิดเหตุร้าย เทคโนโลยีการล็อกของประตูหน้าต่าง สัญญาณกันขโมย ระบบป้องกันเหตุฉุกเฉิน และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการวางระบบและการจัดการขยะที่ทันสมัย เพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย สิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ผู้อยู่อาศัยสามารถอยู่บ้านได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข การพักอาศัยแบบครอบครัวใหญ่ ปกติบ้านหรูจะมีการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยทั้งภายนอกและภายในตัวบ้านได้ค่อนข้างมาก ทำให้มีพื้นที่รอบบ้านสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ  และพื้นที่จอดรถได้จำนวนมาก ภายในบ้านประกอบไปด้วยห้องตั้งแต่ 6-10 ห้องนอน มีห้องทำงาน ห้องออกกำลังกาย และห้องอเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมของครอบครัวได้  ซึ่งตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยเป็นครอบครัวใหญ่ได้แบบไม่ติดขัด และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้ครบจบได้ในที่เดียว พื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัวบนทำเลใกล้ใจกลางเมือง จุดเด่นสำคัญของบ้านหรู คือจำนวนพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางที่มาพร้อมกับความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ตั้งแต่ส่วนของโครงการที่มีการสร้างบรรยากาศและการรักษาความปลอดภัยที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง จำนวนยูนิตภายในโครงการมักจำกัดไม่เกินหลักสิบหลังคาเรือน บางโครงการอาจมีเพียง 5-10 ยูนิตเท่านั้น สำหรับตัวบ้านก็มีพื้นที่กว้างขวางและวางตัวอย่างเป็นสัดส่วน มีการใช้วัสดุดูดซับเสียง มอบความเป็นส่วนตัวให้กับทุกหลังคาเรือนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้อีกจุดเด่นของโครงการบ้านหรูคือทำเลใกล้ใจกลางเมือง โดยขยับออกมาจากส่วนที่มีความวุ่นวาย มาใกล้ธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็ยังสามารถเดินทางสะดวกสบายไปได้ทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเข้าสู่ย่าน CBD (Central Business District) เข้าย่านแหล่งการค้า ไลฟ์สไตล์ หรือเดินทางออกต่างจังหวัดก็ไปได้อย่างสะดวกสบาย ส่วนกลางหรูหรา พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว โครงการบ้านหรูมีการออกแบบพื้นที่และจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมาแบบครบวงจร โดยพื้นที่ส่วนกลางมีทั้งการออกแบบสไตล์หรูหราและฟังก์ชันที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น คลับเฮ้าส์ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ สนามเด็กเล่น ฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ครบครัน สระว่ายน้ำ…

“ระบบรักษาความปลอดภัยอาคารเพื่อการพาณิชย์” มอบความปลอดภัยให้พร้อมกับทุกคน

ทำความรู้จักกับระบบรักษาความปลอดภัยอาคารเพื่อการพาณิชย์ ที่ช่วยป้องกันและยับยั้งเหตุร้ายได้อย่างทันท่วงทีด้วย LIV-24 สร้างความไว้วางใจให้กับผู้ที่เข้ามาใช้งานได้อย่างปลอดภัย อาคารเพื่อการพาณิชย์ หรือ Commercial Building คือ สถานที่ที่มีกิจกรรมทางการค้าเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาคารห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร โรงแรม โรงพยาบาล และยังรวมไปถึงอาคารสำนักงาน โรงงาน โกดัง และโรงเรียนอีกด้วย ซึ่งเป็นสถานที่ในการรองรับคนจำนวนมาก ทำให้ลักษณะอาคารจึงต้องมีการก่อสร้างที่เป็นไปตามมาตรฐานและกฎข้อบังคับ เพื่อให้มีความคงทนแข็งแรงและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่สำหรับโลกในปัจจุบันนั้น ภัยร้ายหรืออันตรายล้วนอยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าฝ่ายผู้ดูแล และผู้ใช้งานจะระมัดระวังมากเพียงใด เหตุการณ์อันตรายก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมากอย่างพื้นที่สาธารณะรูปแบบอาคารพาณิชย์ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจะยิ่งทวีคูณความเสียหายมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี จึงช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการหรือทำงานอยู่ภายในอาคารเหล่านั้น และสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย ระบบรักษาความปลอดภัยภายในอาคารเพื่อการพาณิชย์คืออะไร? คือ ระบบรักษาความปลอดภัยรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบวิศวกรรมอาคาร ระบบรักษาความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งระบบรักษาความปลอดภัยภายในอาคารเพื่อการพาณิชย์นั้น จะมีการวางระบบที่ครอบคลุม จัดให้มีการตรวจตราและตรวจสอบได้ เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และพร้อมรับมือทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทั่วถึง ตลอด 24 ชั่วโมงในทุกวัน ซึ่งจะแตกต่างกับระบบรักษาความปลอดภัยของพื้นที่อยู่อาศัย ตรงที่มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด และรัดกุมกว่า เนื่องจากสถานที่มีขนาดใหญ่และมีผู้คนเข้า-ออกจำนวนมาก ระบบรักษาความปลอดภัยอาคารเพื่อการพาณิชย์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ดูแลและเจ้าของกิจการธุรกิจควรตระหนักถึงความสำคัญ ไม่เพียงแค่มีระบบรักษาความปลอดภัยแบบทั่วไปเท่านั้น แต่ควรมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากที่สุด โดยใช้เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันและยับยั้งความรุนแรงของเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ก่อนจะสร้างความเสียหายขนานใหญ่ ที่ไม่เพียงแค่ทรัพย์สินที่มีมูลค่าเท่านั้นแต่อาจรวมไปถึงชีวิตที่ไม่สามารถประเมินค่าได้อีกด้วย อาคารเพื่อการพาณิชย์ควรมีระบบรักษาความปลอดภัยด้านใดบ้าง? สำหรับอาคารเพื่อการพาณิชย์หรือ Commercial Building ที่ยังให้ความสำคัญด้านระบบรักษาความปลอดภัยไม่มากพอ จะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ดังจะเห็นได้จากข่าวสารที่พบเห็นในปัจจุบัน อย่างเหตุการณ์กราดยิงในห้างสรรพสินค้า เหตุการณ์โจรกรรมร้านค้าปลีก เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานขนาดใหญ่จากไฟฟ้าลัดวงจร เหตุการณ์ไฟไหม้โรงแรม มีความผิดพลาดเกี่ยวกับสัญญาณจนทำให้เกิดความชุลมุน เหตุการณ์บุกแทง ตลอดจนลักพาตัวนักเรียนภายในโรงเรียน เป็นต้น เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้สามารถป้องกันได้ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยด้านต่างๆ ดังนี้ การคัดกรองบุคคลเข้า-ออกภายในอาคาร เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลน่าสงสัยเข้าไปในพื้นที่ และตรวจอาวุธหรืออุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุได้ โดยต้องจัดระบบในการคัดกรองให้มีความละเอียดและแม่นยำ ระบบการตรวจตราภายนอกและภายในอาคาร เช่น การจัด รปภ. เดินตรวจความเรียบร้อยตามเวลาที่กำหนดบริเวณจุดต่างๆ ให้ครอบคลุม รวมถึงการใช้กล้อง CCTV ตรวจสอบ และมีเจ้าหน้าที่คอยมอนิเตอร์ตลอด 24 ชม. ความปลอดภัยของวิศวกรรมอาคาร จะต้องมีการตรวจสอบอุปกรณ์ งานระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบประปา ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ รวมถึงระบบในการแจ้งเตือนภัย เช่น อุปกรณ์ Smoke Detector อุปกรณ์เซนเซอร์ตรวจจับเปลวไฟ อุปกรณ์เสียงแจ้งเตือนเหตุ เป็นต้น ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญในการซ่อมบำรุงตามรอบหรือระยะเวลาที่กำหนดเสมอ นอกจากนี้ควรตรวจสอบโครงสร้างว่ามีการแตกร้าว รั่วซึม และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้หรือไม่ ระบบประเมินความเสี่ยงและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อป้องกันและยับยั้งเหตุการณ์ ซึ่งมีการประเมินความเสี่ยงเอาไว้เบื้องต้นแล้ว จะช่วยให้สามารถป้องกันและยับยั้งเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว จนลดความสูญเสียลงได้ มิติใหม่ของระบบรักษาความปลอดภัยโครงการ Commercial by LIV-24 LIV-24 เทคโนโลยีดูแลความปลอดภัยอัจฉริยะ และจัดการระบบวิศวกรรมอาคารเต็มรูปแบบ เรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมงจาก แสนสิริ และ PLUS Property…

The Success Recipe : เปิดสูตรลับสู่การเป็นผู้บริหารสายวิศวกรรมอาคารที่ช่างเทคนิคต้องรู้ (ตอนที่ 2)

จากจุดเริ่มต้นของเด็กอาชีวะสู่การทำงานในช่างเทคนิค ประสบการณ์การทำงานในสายงานบริหารวิศวกรรมอาคารอย่างโชกโชน การเปลี่ยนแปลงของโลก และเทคโนโลยีที่ต้องก้าวตามให้ทัน ในตอนที่ 1 นั้น (คลิกอ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ที่นี่) ทำให้เรารู้ว่าเส้นทางสู่การได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและระบบวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ของคุณชาญ ศิริรัตน์ เกิดจากการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม และการเรียนรู้ ใฝ่รู้ และการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง ในตอนที่ 2 นี้ เราจะได้รู้อีกพาร์ทของพี่ชาญกัน อุปสรรค ปัญหา และบทเรียนอันล้ำค่า รวมถึงข้อคิด คำแนะนำจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ที่ช่างน้อยในตอนนี้ก็สามารถนำไปปฏิบัติตามกันได้ไม่ยาก โลกเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนตาม   “ตอนนั้นก็อายุ 40 กว่าแล้ว ยังต้องไปนั่งเรียนในห้องเรียนอีกครั้ง ซึ่งเป็นการได้ออกนอกกะลาของตนเอง และสิ่งที่ค้นพบจากการเปลี่ยนแปลงคือ โอกาส + ความพร้อม = ความสำเร็จ”   เมื่อต้องกลับสู่ห้องเรียนอีกครั้ง อายุ 40 แล้ว จะสู้เด็กๆ ได้ไหม? พี่ชาญเล่าให้ฟังว่าช่วงนั้นถือเป็นช่วงท้าทายของชีวิตเลยทีเดียว เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคนั้น จากที่เคยใช้โทรศัพท์แบบมีปุ่มกด เริ่มเปลี่ยนมาเป็น iPhone ที่ใช้ระบบสัมผัส ไม่มีปุ่มให้กดเลยแม้แต่ปุ่มเดียว คอมพิวเตอร์ก็ฉลาดขึ้น มีโปรแกรม และแอปฟลิเคชั่นต่างๆ เกิดขึ้น ไหนจะระบบสัมผัส Home Automation PropTech IoT ที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย ทำให้คิดว่าเราจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้อีกต่อไป เราต้องทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น และสิ่งที่จะทำให้ “เข้าใจ” ได้ คือ การเรียนรู้เพิ่ม จึงเป็นที่มาของคำว่าต้องกลับไปเข้าห้องเรียนอีกครั้ง ครั้งนี้พี่ชาญเลือกศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ตรงกับสายงานมากขึ้นในหลักสูตร Facility/Property Management ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พี่ชาญเล่าให้ฟังอย่างขำขันว่า การเรียนรอบนี้เป็นการ “ได้ออกนอกกะลา” ของตัวเองมาก จากที่เคยคิดว่าตัวเองรู้ดีที่สุด และเชี่ยวชาญที่สุดในสายงานนี้ แต่ความจริงแล้วยังมีคนที่รู้กว่าเราอีกมากมาย เพราะครั้งนี้เรียนกับบรรดาผู้บริหารจากองค์กรอื่นทำให้ได้เปิดโลกทัศน์มากมาย ได้ฟังบรรดาด๊อกเตอร์มาสอน จนทำให้เราได้เปิดใจกว้าง ได้เรียนรู้ในหลายๆ มิติ ได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ คือ การคิดให้ละเอียดในหลายแง่มุม  จะมามัวนั่งแต่คิดว่าวิธีการทำงานของเราถูกที่สุดแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เลย และที่สำคัญทำให้ได้รู้ว่าขีดความสามารถ และการเรียนรู้ของตัวเองยังไปได้อีก แม้ว่าตัวเองจะอายุมากถึง 40 ปี แล้วก็ตาม อย่างที่ Steve Jobs ได้กล่าวเอาไว้ว่า “ชีวิตคือการสะสม Dot หรือจุด” พี่ชาญพยักหน้าเห็นด้วยกับประโยคนี้อย่างที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่ตระหนักได้ว่า จริง มันเป็นเช่นนั้น เราต้องดูในหลายๆ มิติ เพราะเราไม่มีวันรู้หรอกว่าเราจะได้ใช้ความรู้เหล่านั้นเมื่อไร เมื่อเรามีจุด (ความรู้) ที่สะสมอยู่ เราก็ต้องกล้าที่จะนำมาใช้ด้วย เราต้องกล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ ต้องหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเป็น Life-long learning…

The Success Recipe : เปิดสูตรลับสู่การเป็นผู้บริหารสายวิศวกรรมอาคารที่ช่างเทคนิคต้องรู้ (ตอนที่ 1)

อาชีพในสายงานอสังหาฯ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดสูตรลับที่ช่างเทคนิคต้องรู้กับเส้นทางการเติบโตของช่างเทคนิคสู่การเป็นผู้บริหารสายวิศวกรรมอาคาร จุดเริ่มต้นจากช่างเทคนิคจนมาเป็นผู้บริหารสายวิศวกรรมอาคาร “ต้นทุนชีวิตของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กต่างจังหวัด เรียนอาชีวะ หรือเป็นแค่ช่างเทคนิคธรรมดาๆ แต่ความมุ่งมั่น ทุ่มเท จะสามารถ สร้าง Career Path ที่ตนเองต้องการได้” บทสนทนานี้เริ่มต้นจากการพูดคุยกับพี่ชาญ หรือ คุณชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและระบบวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บุคคลสำคัญของฝ่ายวิศวกรรมอาคารที่เป็นผู้ดูแล วางแผน วางกลยุทธ์ทางด้านระบบวิศวกรรมอาคารทั้งหมดให้กับอาคารที่พลัสฯ ดูแล ที่วันนี้จะมาเปิดสูตรลับของการทำงานในสายช่างอาคาร เล่าเรื่องราวประสบการณ์การทำงานอันยาวนานตั้งแต่จุดเริ่มต้นจากช่างเทคนิคจนมาเป็นผู้บริหารสายวิศวกรรมอาคารให้ทุกคนได้เรียนรู้กัน เส้นทางชีวิตของเด็กอาชีวะ…สู่จักรวาลระบบวิศวกรรมอาคาร ผู้บริหารสายวิศวกรรม อาจเป็นความใฝ่ฝันของช่างเทคนิคจูเนียร์หลายๆ คน หรือที่ในวงการจะเรียกกันว่า “ช่างน้อย” หมายถึง ช่างเทคนิคระดับปฏิบัติการเริ่มต้น ประสบการณ์ทำงานเริ่มตั้งแต่ 0-2 ปี บางคนอาจคิดว่าตำแหน่งสูงสุดของเด็กอาชีวะจากต่างจังหวัดคงเป็นได้แค่เพียง หัวหน้าช่างเท่านั้น ไกลที่สุดที่เป็นได้ก็คงได้เป็นแค่ผู้จัดการ… พี่ชาญก็เช่นเดียวกัน ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วพี่ชาญเริ่มเข้าสู่ชีวิตการทำงานในตำแหน่ง “ช่างเทคนิค ประจำอาคารสิริภิญโญ” ด้วยวุฒิการศึกษาระดับอาชีวะจากต่างจังหวัด ในขณะนั้นคิดแต่เพียงหาเลี้ยงครอบครัว ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิตอะไร เหมือนทำงานให้จบไปวันๆ เพื่อดูแลครอบครัวให้ดีเพียงเท่านั้น แต่เมื่อได้ทำงานไปเรื่อยๆ ได้พบปะเจอผู้คนหลากหลาย ทั้งในระดับหัวหน้างาน ผู้คนในแผนกต่างๆ ลูกค้า ไปจนถึงระดับผู้บริหาร เลยมีความคิดอยาก “รู้นั้น” “รู้นี่” “อยากรู้ว่าวิศวกรเค้ามีวิธีการคิด และทำงานกันอย่างไร” เพื่อที่จะได้นำมาประยุกต์ใช้กับงานปัจจุบันให้ดีขึ้น และสามารถสื่อสาร อธิบายวิธีการทำงานให้ผู้บริหารได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ตอนนั้นคิดว่าเราจะทำงานเรื่อยๆ แบบนี้ไปทุกวันๆ ไม่ได้ ถ้าอยากรู้เพิ่มเติม อยากเป็นคนที่เก่งขึ้น ก็ต้องเรียนรู้เพิ่ม วิชาที่ร่ำเรียนมาในสายอาชีพอาจไม่พอ จึงตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยสยาม เลือกเรียนช่วงตอนเย็น และวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะไม่สามารถลาออกไปเรียนอย่างเดียวได้ เมื่อได้เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็ค่อยๆ สะสมความรู้จากมหาวิทยาลัย และจากการปฏิบัติงานจริง จึงเกิดความเข้าใจในการทำงานมากขึ้น และยิ่งตื่นเต้น อยากเรียนรู้มากขึ้นไปอีก กล้าที่จะก้าว เมื่อโอกาสมาถึง เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม “เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ตอนนั้นรู้สึกท้าทาย และยังไม่ได้มั่นใจนัก แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่ม” หลังจากทำงานเป็นช่างเทคนิคมาได้สักระยะ จนในปี 2538 เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร บริษัทฯ ที่ทำในตอนนั้นมีการจัดโครงสร้างภายในใหม่ มีทั้งการแยกทีมงานออกไปตั้งบริษัทย่อยหลายบริษัท จนได้รับโอกาสจากผู้บริหารเสนอให้เข้ามาทำงานที่บริษัท Plus Property รับผิดชอบงาน Support ดูแลระบบวิศวกรรมส่วนกลาง ซึ่งเป็นขอบข่ายงานที่กว้างขึ้นกว่าเดิมมาก จากที่เคยรับผิดชอบดูแลแค่เพียงอาคารเดียว แต่ตอนนี้ต้องดูระบบวิศวกรรมทั้งหมด ในตอนนั้นรู้สึกท้าทาย และยังไม่ได้มั่นใจตัวเองมากนักว่าจะทำได้ แต่ก็คิดว่าเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ได้เรียนรู้เยอะขึ้น จึงตัดสินใจเข้ามาทำงานที่พลัสฯ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อได้เข้ามาทำงานที่พลัสฯ ก็ได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้นจริงๆ ทำให้เปลี่ยนความคิดในการทำงาน ได้เห็น “ภาพกว้าง” ที่เราต้องรับผิดชอบมากขึ้น ที่พลัสฯ มีอะไรให้เรียนรู้ได้ทุกวัน เพราะอาคารมีการพัฒนาขึ้นทุกวันๆ…

เบื้องหลังวิธีการดูแลคุณภาพที่ดีในทุกมิติจาก PLUS PROPERTY สู่ความสำเร็จคุณภาพระดับสากล

ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ไม่อาจจบได้แค่เพียงการวางแผนเลือกทำเล ดีไซน์ Developer เพราะในระยะยาวเราจะต้องอยู่กับบ้านหลังนี้ไปอีกอย่างต่ำ 5-10 ปี การบริการหลังการขายจึงเป็นเรื่องสำคัญ การสร้างอาคารที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย คอมมูนิตี้ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ สถานบริการต่างๆ ที่มีจำนวนผู้ใช้มาอยู่รวมกัน อาจต้องอาศัยระบบการจัดการที่ดี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกฝ่าย เจ้าของอาคาร ผู้ใช้อาคาร ผู้เยี่ยมชม ผู้เช่า ประสบการณ์การอยู่อาศัย และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงการดูแลทรัพยากรอาคาร และการจัดการพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ “ผู้คน” คือเป้าหมายสำคัญของการมุ่งมั่นพัฒนา ยกระดับการบริหารจัดการ Property Management ของ Plus Property  พบกับ 6 เรื่องดีๆ ที่มี Plus Property คอยดูแลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การก้าวเป็นอันดับ 1 เรื่องคุณภาพระดับสากลของการบริการ Property Management ที่พลัสฯ ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ที่ดี พร้อมสร้างคุณภาพชีวิต เพื่อตอบโจทย์การดูแลได้ครบทุกมิติเพื่อคุณ 1. เน้นงานบริการที่ให้ “ผู้คน” เป็นศูนย์กลาง และใช้เทคโนโลยีมาช่วยเสริมงานบริหาร PLUS Property มีมาตรฐานการทำงาน ฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจขั้นตอนต่างๆ ผ่านสถาบัน Plus Eduplex และฝ่ายควบคุมมาตรฐานการทำงานภายใน เพื่อให้พนักงานปฏิบัติงานได้ในมาตรฐานเดียวกัน บริหารงานด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ และพร้อมปรับปรุงขั้นตอนการทำงานโดยรับฟังเสียงจากลูกบ้าน กระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการและการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เน้นงานบริการที่ให้ “ผู้คน” เป็นศูนย์กลาง ดูแลอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันใส่ใจในรายละเอียด พร้อมให้บริการอย่าง “ทันท่วงที” เช่น จัดการไปรษณีย์ รับ-บันทึก-จัดเก็บ-แจกจ่าย ให้สะดวกที่สุด ดูแลแก้ปัญหากฏระเบียบการอยู่อาศัยร่วมกัน ช่วยดูแลช่วยเหลือเมื่อเกิดกรณีเจ็บป่วย ฉุกเฉิน มีบริการ In room service ดูแลอุปกรณ์ในห้องพัก แกนหลักของงานบริการของพลัสฯ ให้ความสำคัญกับมนุษย์สัมพันธ์ (Human Relationship) และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ เพื่อให้ลูกบ้านได้รับทั้งความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี และยังได้รับความใส่ใจ การดูแลจากคน ซึ่งทำให้รู้สึกดี เหนือระดับกว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเรื่องงานบริการของ Plus Property คือช่วงโควิดสองปีที่ผ่านมา นอกจากการดูแลเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมพัสในพื้นที่ส่วนกลางทุกจุดตลอดทั้งวัน พลัสฯ ยังมีการดูแลอำนวยความสะดวกลูกบ้านที่ติดเชื้อ หรือกักตัวภายในโครงการ อย่างเต็มที่ในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการส่งอาหารพัสดุต่างๆถึงหน้าประตูห้อง จัดรอบเก็บขยะติดเชื้อ ช่วยติดตามอาการ ช่วยประสานรถโรงพยาบาล รวมถึงอัพเดทข่าวสาร และวิธีการดูแลตัวเองให้ลูกบ้านทุกสัปดาห์ ทำให้สามารถดูแลบริหารการอยู่ร่วมกันของลูกบ้านทุกคนได้อย่างราบรื่น 2. เน้นดูแลสภาพโครงการให้ดี เพื่อรักษาและเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ให้สูงขึ้นตามกาลเวลา ดูแลสภาพโครงการให้ดี เพื่อรักษาและเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ให้สูงขึ้นตามกาลเวลา “แม้เวลาจะผ่านไปแต่ต้องไม่โทรม”  การดูแลสภาพโครงการด้านกายภาพให้คงสวยงามอยู่เสมอเป็นประตูด่านแรกที่ผู้พักอาศัย และผู้ใช้อาคารทุกคนสัมผัสได้ Plus Property ดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการให้พร้อมใช้งาน มีการดูแลรักษากายภาพต่าง ๆ ให้คงคุณภาพดีและดูใหม่อยู่เสมอ…

ส่องเลย ธุรกิจมาแรงที่น่าสนใจปี 2565 มือใหม่ก็ศึกษาได้!

พฤติกรรมผู้บริโภคนั้นได้เปลี่ยนไป หลายธุรกิจต้องเผชิญกับโจทย์ใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้นหลังยุคโควิด-19 นอกจากเลือกทำเลทำธุรกิจให้ดีแล้ว มีธุรกิจอะไรบ้างที่จะสามารถมัดใจผู้บริโภคได้? ไม่ว่าจะทั้งจากวิกฤตเงินเฟ้อ อีกทั้งสถานการณ์ต่างๆ รอบโลก ล้วนแต่มีอิทธิพลต่อการจับจ่ายซื้อของทั้งสิ้น ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจในบางครั้งเหมือนคลื่นลมทะเลแรง ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและการไหลของกระแสต่างๆ เป็นปัจจัยให้เจ้าของธุรกิจต้องปรับตัว หลายธุรกิจได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันหลายธุรกิจก็ซบเซาลงเช่นกัน แล้วมีธุรกิจอะไรบ้างที่น่าสนใจในปี 65 นี้?  พลัสฯ จะพามาดูแนวโน้มธุรกิจที่น่าสนใจ จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน! 10 ธุรกิจที่น่าจับตามอง 1) ธุรกิจ e-Commerce หรือการค้าขายออนไลน์ หลายธุรกิจได้ปรับตัวเข้าสู่ออนไลน์ กระจายไปแต่ละแพลตฟอร์ม เนื่องจากสะดวกและไม่ต้องมีหน้าร้าน สามารถทำที่บ้านได้ ทำให้ธุรกิจการค้าปลีกออนไลน์และแพลตฟอร์มเพื่อการค้าออนไลน์ นั้นเติบโตไวเป็นอย่างมาก เพราะไม่สามารถออกมาจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าและสถานบริการได้ตามปกติ ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social media) ยังมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่า Social media เป็นช่องทางธุรกิจยุคใหม่ ไม่ว่าจากทั้งกระแสรีวิวจากผู้ใช้จริง การแจกของสมนาคุณ หรือแม้กระทั่งการใช้ผู้มีอิทธิพลทางโซเชี่ยล (Influencer) นำเสนอสินค้า หลายธุรกิจก็สามารถดังเป็นพลุแตกและสร้างกำไรได้มหาศาลเลยทีเดียว 2) ธุรกิจด้านขนส่ง โลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจนี้เกี่ยวเนื่องและได้รับประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาซื้อ-ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้มีความต้องการบริการด้านขนส่งโลจิสติกส์มากขึ้นตามไปด้วย และสำหรับใครที่มีตึกแถว อาคารพาณิชย์หรือบ้านที่มีพื้นที่กว้างก็สามารถดัดแปลงให้เป็นจุด Drop-off ได้ Drop off : การพัสดุไปฝากส่งไว้กับผู้ให้บริการด้วยตนเอง มีหลายสาขา ขั้นตอนเหมือนการส่งไปรษณีย์ แต่อยู่ภายใต้การบริการของหลากหลายขนส่งเอกชน การมีขนส่งใกล้ที่อยู่อาศัยเรียกได้ว่าทำให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อุ่นใจมากทีเดียว เนื่องจากจะสามารถทำให้ติดต่อเรื่องพัสดุและส่งสินค้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งในบางพื้นที่ที่มีประชากรเยอะ นักศึกษาและคนทั่วไปที่หารายได้เสริมเริ่มธุรกิจออนไลน์กันเยอะขึ้นเป็นอย่างมาก ร้านประเภท Drop-off เรียกได้ว่า เช็คพัสดุแทบไม่ทันเลยทีเดียว 3) ธุรกิจเวชภัณฑ์และแปรรูปสมุนไพร จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้จำเป็นต้องพึ่งพาเวชภัณฑ์ รวมทั้งสมุนไพรต่างๆ ที่อาจเป็นทางเลือกในการป้องกันและรักษา ส่งผลให้ธุรกิจกลุ่มนี้มีความต้องการที่สูง แต่ทั้งนี้เวชภัณฑ์หรือแปรรูปสมุนไพรใดๆ ควรมีความรู้ ความเข้าใจในการรักษา งานวิจัยชี้ชัดถึงประโยชน์และโทษของสมุนไพรนั้นๆ อีกทั้งยังต้องผ่านอย.อีกด้วย 4) ธุรกิจด้านเทคโนโลยี หลายธุรกิจหันมาพึ่งพาเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ต่างๆ เพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเป็นการเปิดตลาดใหม่ๆ ที่จะส่งเสริมให้ธุรกิจตนสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นและต่อเนื่อง ธุรกิจจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ธุรกิจจัดทำโปรแกรมเว็บเพจ ธุรกิจบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ และธุรกิจบริหารจัดการ/ประมวลผลข้อมูล จึงมีแนวโน้มเติบโตสูง 5) ธุรกิจรีไซเคิล (Recycling) ปัจจุบันผู้บริโภคได้หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวนยังทำให้ผู้คนตระหนักถึงสภาวะโลกร้อน ยิ่งทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจในเรื่องของการรีไซเคิลต่างๆ ยิ่งขึ้นอีกด้วย เช่น ธุรกิจ refill station เป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ต่อคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมคือการได้ลดการใช้พลาสติกลง เพราะนำบรรจุภัณฑ์ของตนเองมาใช้ และยังตอบโจทย์คนที่อยากใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ แต่ในปริมาณที่น้อยอีกด้วย หรือจะเป็นการแปรรูปสิ่งของธรรมชาติให้เป็นภาชนะ อย่างชามชานอ้อย หรือการนำใบตองมาอัดเป็นภาชนะก็สร้างรายได้ดีเช่นกัน 6) ธุรกิจเครื่องสำอาง และความสวยงาม เทรนด์การดูแลตัวเองและการรักสุขภาพมาแรงขึ้น การออกกำลังกายและการแต่งหน้ายังเป็นการเสริมภาพลักษณ์และสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง…

ยกระดับอสังหาริมทรัพย์ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ LIV-24

ท่ามกลางสถานการณ์ภัยร้ายและอุบัติเหตุต่างๆ ที่ล้วนอยู่รอบตัวเราในปัจจุบัน   ไม่ว่าจะเป็นในกรณีของรปภ. บุกขึ้นห้องขืนใจลูกบ้านคอนโด ขโมยบุกขึ้นบ้านหรูหลายหลังในคืนเดียว บุคคลนอกบุกเข้าพื้นที่เพื่อทำร้ายร่างกายถึงภายในบ้าน และเหตุการณ์อื่นๆ ที่พร้อมใจเกิดขึ้นทุกวันโดยไม่ทันให้คนในบ้านได้ตั้งตัว ทำให้ผู้อยู่อาศัยในที่ต่างๆ รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย และรู้สึกกังวลใจเมื่อต้องอยู่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น แม้ในพื้นที่สาธารณะก็ยังสามารถเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์กราดยิงในห้างสรรพสินค้า เหตุไฟฟ้าลัดวงจรในโรงงานจนเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ก่อให้เกิดความสูญเสีย และความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนคืนหรือประเมินค่าได้ จนทำให้หลายคนอาจมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นอุบัติเหตุที่ไม่สามารถป้องกันได้ และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่จริงๆ แล้ว หากมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี จะทำให้สามารถป้องกันภัยเหล่านี้ได้ก่อน หรือลดความเสียหายและสูญเสียลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยและครอบคลุมได้ดีอย่างระบบ LIV-24 มาช่วยยกระดับความปลอดภัยในทุกๆ ด้าน พร้อมเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยและจัดการระบบวิศวกรรมส่วนกลางได้ทุกรูปแบบเพื่อให้ทุกสถานที่มีความปลอดภัยและมั่นใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง   ข้อดีระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24  ดูแลความปลอดภัยแบบ 360 องศา ทั้งความปลอดภัยรอบโครงการและวิศวกรรมส่วนกลาง ด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น AI CCTV ANALYTIC ที่ช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหวและวิเคราะห์ความผิดปกติที่เกิดขึ้น, DIGITAL FENCE ระบบป้องกันแนวรั้ว ที่สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวและมีการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์, REAL TIME GUARD TOUR ระบบตรวจสอบสถานะการตรวจตราของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และ SAFETY SYSTEM ระบบตรวจการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโครงการให้พร้อมใช้งาน เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยดูแลความปลอดภัยได้อย่างครอบคลุม มาพร้อมกับ PROFESSIONAL AGENT ON DUTY เจ้าหน้าที่ LIV-24 ประจำศูนย์สั่งการ ทำงานตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง ช่วยเฝ้าระวังเหตุ วิเคราะห์ และรายงานผลหรือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถระงับเหตุได้อย่างรวดเร็ว การทำงานร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีกับมนุษย์  เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ป้องกันทุกข้อผิดพลาดได้อย่างทันท่วงที หลายโครงการอาจพบปัญหาในเรื่องของการขาดบุคลากรในการตรวจสอบและซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งระบบวิศวกรรมส่วนกลางนั้น จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลและตรวจเช็กจากผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำ เพื่อซ่อมแซมในเชิงป้องกัน ก่อนจะเกิดภัยร้ายที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 มีเทคโนโลยี IoT Facility Management สามารถช่วยเก็บข้อมูลเกี่ยวกับระบบน้ำและการบำบัดน้ำเสีย (Water Management), ระบบไฟฟ้า (Electricle Management), คุณภาพอากาศ (Air Quality Management) รวมถึงอุปกรณ์และเครื่องจักรต่างๆ และระบบดับเพลิงในอาคาร แล้ววิเคราะห์ด้วยระบบ AI หากเกิดความผิดปกติหรือถึงเวลาที่ต้องซ่อมแซมจะมีการแจ้งเตือน และรายงานผลอย่างชัดเจน เพื่อให้การวางแผนปรับปรุงแผนซ่อมบำรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัยหายห่วงด้วย Visitor Management System  ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครแอบแฝงตัวเข้ามาในละแวกที่อยู่อาศัยของเรา เพราะระบบ LIV-24 มีระบบควบคุมการเข้า-ออกโครงการ สำหรับผู้มาติดต่อ ตั้งแต่การลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเข้าโครงการ การบันทึกข้อมูลผู้เข้า-ออก ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติจากเทคโนโลยี LPR (License Plate Recognition)…

กลยุทธ์การบริหารจัดการโครงการระดับ Luxury และ Super Luxury

เมื่อการอยู่อาศัยในคอนโดหรู บ้านหรู ได้รับการออกแบบเนรมิตความสวยงาม และความหรูหราได้เหนือชั้นเทียบเท่าโรงแรมระดับ 5-6 ดาวโดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผ่านโครงการคอนโด บ้านเดี่ยว ระดับ “Luxury” และ “Super Luxury” เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้พักอาศัยในกลุ่มลูกค้าตลาดพรีเมียม การบริหารจัดการที่พักอาศัยต้องพัฒนาตัวเองอย่างไร ให้สามารถตอบสนองความต้องการ เพื่อที่จะครองใจลูกบ้านได้อย่างดีที่สุด รู้จักนิยามใหม่ของการบริหารจัดการโครงการหรู สู่การบริการเทียบเท่าระดับโรงแรมชั้นนำ กับทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญที่นักบริหารจัดการผู้พักอาศัยโครงการระดับลักชัวรีต้องมีได้ที่นี่ 1. รอบรู้ เชี่ยวชาญ ด้านการบริหารจัดการ LUXURY PROPERTY MANAGEMENT ผู้บริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยจะมีหน้าที่หลักคือการดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลาง สิ่งอำนวยความสะดวก ลักษณะทางกายภาพ สภาพแวดล้อมภายในโครงการ รวมถึงทรัพย์สิน ของประดับตกแต่งระดับ Masterpiece โดยจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการบำรุงรักษาวัสดุ Material เฟอร์นิเจอร์ที่มีมูลค่าสูง หรือมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ให้คงความสวยงาม และคงสภาพเดิมตราบนานเท่านาน เพื่อรักษาภาพลักษณ์โครงการให้เป็น Timeless Property ส่งต่อเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่นสืบไป โดยสามารถเพิ่มมูลค่าโครงการต่อไปในอนาคต ศาสตร์การบริหารจัดการโครงการหรูโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Luxury Property Management ควรให้ความสำคัญเรื่องลักษณะทางกายภาพทั้งภายนอกโครงการ และภายในโครงการเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งแรกที่มองเห็นได้ทันที ตัวอย่างการบริหารจัดการโดย Plus Living Management ที่ดูแลโครงการ บ้านไข่มุกหัวหิน คอนโดมิเนียมโครงการแรกของแสนสิริมาตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการ จนปัจจุบันยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากเจ้าของร่วมให้บริหารมาตลอดระยะเวลา 30 ปี เพราะเป็นโครงการที่ได้รับการดูแลอย่างดี พิถีพิถันในการบำรุงรักษา การเลือกวัสดุ รวมถึงการซ่อมแซมแม้ในจุดเล็กๆ ที่ไม่อาจมองข้าม อย่างการซ่อมแซมกระเบื้องโมเสกสีเหลืองมัสตาร์ดที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการ ก็ยังสั่งทำสีพิเศษเพื่อให้มีความใกล้เคียงของเดิมที่สุด เพื่อยังคงความคลาสสิคเสมือนวันแรก ทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นไปแล้วกว่า 10 เท่าตัวในปัจจุบัน กระเบื้องโมเสคสีเหลืองมัสตาร์ด โครงการบ้านไข่มุก โครงการระดับ Super Luxury แต่ละแห่งต่างก็มีความ Unique ที่แตกต่างกันไป ผู้บริหารโครงการต้องใส่ใจทุกรายละเอียด ศึกษาความเป็นมาตั้งแต่ลักษณะเฉพาะของวัสดุ หินอ่อน เนื้อไม้ กระเบื้อง สีที่ใช้ ของตกแต่งทุกชิ้น เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ เพื่อที่จะรู้วิธีการดูแลที่ถูกต้อง ไม่ไปทำให้วัสดุเสียหายหรือลดทอนคุณค่า อันเนื่องมาจากการขาดประสบการณ์ และไม่มีความรู้ในการดูแลที่ดีพอ ทีม Plus Living Management เมื่อได้รับหน้าที่ดูแลบริหารจัดการโครงการแล้ว ทีมงานจะศึกษารายละเอียดจาก Developer ผู้สร้างและออกแบบโครงการอย่างใกล้ชิด หากเป็นโครงการใหม่ที่ทีมสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ตั้งแต่วันแรกจะสามารถร่วมกันพัฒนา และวางแผนการบำรุงรักษาได้จากแหล่งผลิตโดยตรง หรือหากเป็นโครงการที่เราได้เข้าไปบริหารจัดการต่อจากผู้บริหารโครงการชุดเดิม การส่งมอบรายละเอียดต่างๆ ทางทีมสนับสนุนส่วนกลางจาก Plus Living Management จะทำการศึกษา ลงลึกถึงวัสดุ ส่วนประกอบอาคาร โครงสร้าง และระบบวิศวกรรมอาคารในทุกจุดเช่นกัน ผลงานการดูแลโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Luxury จาก…

พามารู้จักเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 เทคโนโลยีอัจฉริยะดูแลอย่างครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง

พลัสฯ พามาทำความรู้จักเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 ตัวช่วยสำหรับงานบริหารอาคารและทรัพยากรอาคารให้มีประสิทธิภาพ ให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด งานบริหารอาคารและทรัพยากรอาคารนั้นเป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะทำให้สภาพของอาคารหรืออสังหาริมทรัพย์น่าอยู่อาศัย พร้อมใช้งานและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ เพราะหากไม่ได้มีการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี หรือโดยผู้เชี่ยวชาญแล้ว จะทำให้อาคารหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นชำรุดทรุดโทรม รวมถึงมีความเสื่อมถอยที่ทำให้ลดอายุการใช้งานของอาคารและงานระบบวิศวกรรมลง ซึ่งจะทำให้ผู้อยู่อาศัยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ และไม่สามารถสร้างมูลค่ากับอาคารหรือห้องชุดได้ สำหรับงานบริหารอาคารและทรัพยากรอาคารนั้นจะมีรายละเอียดที่ต้องการความเอาใจใส่ดูแลที่แตกต่างกันไป ดังนั้นทุกอาคารควรมีผู้ที่เข้ามาทำงานบริหารอาคารและทรัพยากรอาคารอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการ ซึ่งหากมีการจัดการด้านการดูแลความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ก็จะช่วยการันตีความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจให้ผู้ใช้อาคารได้ และยังช่วยป้องกันและยับยั้งเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี วันนี้พลัสฯ ขอแนะนำให้รู้จักเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 ที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมในการดูแลครอบคลุมทุกด้าน ผ่านการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทำงานแบบ Realtime ตลอด 24 ชั่วโมง รับรองว่าหากนำ LIV-24 ระบบรักษาความปลอดภัย และระบบวิศวกรรมในอาคารไปใช้ จะช่วยให้ผู้อยู่อาศัย ผู้ใช้อาคาร อุ่นใจ ปลอดภัย และหายห่วง “LIV-24” เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยแห่งยุค NEXT NORMAL LIV-24 คือ เทคโนโลยีอัจฉริยะที่คอยดูแลให้ลูกบ้านและผู้ใช้งานอาคารสามารถอยู่อาศัยได้อย่างอุ่นใจและเป็นไปอย่างปลอดภัยที่สุด ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำเพียงหนึ่งเดียวในวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย ที่เชื่อมต่อระหว่างระบบรักษาความปลอดภัยและระบบวิศวกรรมอาคาร คอยควบคุมดูแลความปลอดภัยในทุกพื้นที่อย่างเต็มรูปแบบตลอด 24 ชั่วโมง  ด้วยรูปแบบการดูแลรักษาทั้งแบบก่อนเกิดเหตุ (Preventive Maintenance) ไปจนถึงความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุแล้ว (Professional Monitoring)  LIV-24 ประกอบด้วยเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย 2 ระบบหลักๆ ได้แก่ ระบบรักษาความปลอดภัยรอบโครงการ (Security System) และ เทคโนโลยีจัดการระบบวิศวกรรมส่วนกลาง (IOT Facility Management) ทำงานร่วมกับทีมให้คำปรึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real-time Consult and Analysis) ที่มีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์สั่งการ ทำงานตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง ร่วมกับเทคโนโลยีสังเกตการณ์อัจฉริยะที่จะคอยเฝ้าระวังและวิเคราะห์สถานการณ์ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเจ้าหน้าที่จะคอยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีตำรวจ ดับเพลิง หรือสถานพยาบาล รวมไปถึงทีมหน้างานอย่างเจ้าหน้าที่อาคาร ช่าง และรปภ. เพื่อเข้าระงับเหตุการณ์ในทันที นอกจากนั้นยังจัดเก็บข้อมูลจากระบบต่างๆ มาประมวลผล วิเคราะห์เพื่อต่อยอดให้การอยู่อาศัยเป็นไปด้วยความปลอดภัยอย่างดีที่สุด จุดเด่น “LIV-24” ของเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 สร้างความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยด้านความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบประกอบด้วย SECURITY SYSTEM CCTV – VIDEO ANALYTICS ระบบบันทึกภาพที่คอยตรวจจับการเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง ทำงานด้วยระบบ Detect Monitoring สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต ควันไฟ หรือแม้แต่ในจุดอับสายตา มาพร้อมกับระบบ VIDEO ANALYTICS ช่วยวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ REAL-TIME GUARD TOUR เครื่องมือที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยรักษาความปลอดภัยให้เป็นระบบระเบียบ ด้วยระบบการตรวจสอบการเดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ของรปภ. ภายในโครงการอย่างทั่วถึง หากเจ้าหน้าที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือเดินตรวจตราไม่ทั่วทั้งโครงการ ทางศูนย์ควบคุมจะสามารถรับรู้ได้ทันที…

รวม 10 คาเฟ่หลากสไตล์ ย่านห้าแยกลาดพร้าว – พหลโยธิน

สายถ่ายรูปห้ามพลาด วันนี้พลัสฯ รวบรวม Cafe Hopping บรรยากาศชิคๆ หลากสไตล์ ใกล้แหล่ง Shopping Center ที่มีการเติบโตแบบร้อนแรงที่สุด อย่างย่านห้าแยกลาดพร้าว – พหลโยธิน มาฝาก ขนม เครื่องดื่ม ชา กาแฟ รับรองได้เลยว่าถ้าได้ไปเช็คอิน ดีต่อใจแน่นอน ไม่ไปไม่ได้แล้ว! ORBiT espresso BKK สายคอกาแฟห้ามพลาดกับคาเฟ่ที่หอมไปด้วยกลิ่นกาแฟและรสสัมผัสละมุน มีบาริสต้าคอยให้ความรู้เป็นกันเอง ราคาเป็นมิตรเน้นคุณภาพ บริการน่าประทับใจบรรยากาศภายในร้านแต่งสไตล์วินเทจ “เมนูแนะนำกาแฟพิสมัย” กลมกล่อมน่าลิ้มลอง เปิด จันทร์-ศุกร์ 7:30 – 18:00 เสาร์-อาทิตย์ 8:00 – 18:00 พิกัด : พหลโยธิน 35 * ขอขอบคุณภาพจากทางร้าน Yellow Teeth sip n’ snap ร้านกาแฟนั่งชิวสบายๆ ดื่มด่ำกับธรรมชาติและบรรยากาศภายในร้านมีการตกแต่งสไตล์ย้อนยุคผสมผสานกับธรรมชาติให้ความรู้สึกผ่อนคลาย มีเมนูให้เลือกได้หลากหลาย เพลงเพราะๆ ฟังชิวๆ มุมถ่ายรูปสุดชิค การตกแต่งตามเทศกาลไม่น่าเบื่อ เปิด 10:00 – 18:00 ยกเว้นวันจันทร์ พิกัด : โชคชัย 4 ซอย 3 * ขอขอบคุณภาพจากทางร้าน Niche Tea BKK สายชาเขียวต้องหลงรักกับคาเฟ่สไตล์เกาหลีพร้อมเมนูคอชาเขียวไม่ว่าจะเป็น Dirty มัชชะ,ชาเขียวโฮจิฉะ และยังมีเมนูของหวานชูครีมหลากหลายรสชาติ สามารถมานั่งชิวจิบชาเขียวให้สบายใจพร้อมถ่ายรูปสวยภายในร้านคลีนๆ โทนสีขาวสไตล์เกาหลี เปิดทุกวัน 9.00 – 18.00 พิกัด : ซอยพหลโยธิน 2 * ขอขอบคุณภาพจากทางร้าน BAKEBURY Espresso Bar คาเฟ่ที่มีกาแฟอร่อย ครัวซองค์ดี ที่จอดรถสะดวกสบาย ภายในร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์นผสมความสตรีทเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็มีเมนูน้ำและเบเกอร์รี่ให้เลือกมากมาย ที่นั่งสบาย Good vibes นั่งทำงานภายในร้านได้อีกด้วย เปิดทุกวัน 07:30 – 18:00 พิกัด : ลาดพร้าวซอย 1 * ขอขอบคุณภาพจากทางร้าน Sunny Bear Coffee Roasters คาเฟ่ที่ออกแบบสไตล์งานไม้ สบายตา ตกแต่งด้วยกระจกใสให้ดูสว่าง โล่ง เดินทางมาง่ายใกล้ BTS มีที่จอดรถ บรรยากาศดีใกล้ชิดธรรมชาติได้ฟีลคาเฟ่เชียงใหม่สามารถนั่งชิวได้ เครื่องดื่มอร่อย…