The Success Recipe : เปิดสูตรลับสู่การเป็นผู้บริหารสายวิศวกรรมอาคารที่ช่างเทคนิคต้องรู้ (ตอนที่ 1)

อาชีพในสายงานอสังหาฯ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดสูตรลับที่ช่างเทคนิคต้องรู้กับเส้นทางการเติบโตของช่างเทคนิคสู่การเป็นผู้บริหารสายวิศวกรรมอาคาร จุดเริ่มต้นจากช่างเทคนิคจนมาเป็นผู้บริหารสายวิศวกรรมอาคาร “ต้นทุนชีวิตของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กต่างจังหวัด เรียนอาชีวะ หรือเป็นแค่ช่างเทคนิคธรรมดาๆ แต่ความมุ่งมั่น ทุ่มเท จะสามารถ สร้าง Career Path ที่ตนเองต้องการได้” บทสนทนานี้เริ่มต้นจากการพูดคุยกับพี่ชาญ หรือ คุณชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและระบบวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บุคคลสำคัญของฝ่ายวิศวกรรมอาคารที่เป็นผู้ดูแล วางแผน วางกลยุทธ์ทางด้านระบบวิศวกรรมอาคารทั้งหมดให้กับอาคารที่พลัสฯ ดูแล ที่วันนี้จะมาเปิดสูตรลับของการทำงานในสายช่างอาคาร เล่าเรื่องราวประสบการณ์การทำงานอันยาวนานตั้งแต่จุดเริ่มต้นจากช่างเทคนิคจนมาเป็นผู้บริหารสายวิศวกรรมอาคารให้ทุกคนได้เรียนรู้กัน เส้นทางชีวิตของเด็กอาชีวะ…สู่จักรวาลระบบวิศวกรรมอาคาร ผู้บริหารสายวิศวกรรม อาจเป็นความใฝ่ฝันของช่างเทคนิคจูเนียร์หลายๆ คน หรือที่ในวงการจะเรียกกันว่า “ช่างน้อย” หมายถึง ช่างเทคนิคระดับปฏิบัติการเริ่มต้น ประสบการณ์ทำงานเริ่มตั้งแต่ 0-2 ปี บางคนอาจคิดว่าตำแหน่งสูงสุดของเด็กอาชีวะจากต่างจังหวัดคงเป็นได้แค่เพียง หัวหน้าช่างเท่านั้น ไกลที่สุดที่เป็นได้ก็คงได้เป็นแค่ผู้จัดการ… พี่ชาญก็เช่นเดียวกัน ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วพี่ชาญเริ่มเข้าสู่ชีวิตการทำงานในตำแหน่ง “ช่างเทคนิค ประจำอาคารสิริภิญโญ” ด้วยวุฒิการศึกษาระดับอาชีวะจากต่างจังหวัด ในขณะนั้นคิดแต่เพียงหาเลี้ยงครอบครัว ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิตอะไร เหมือนทำงานให้จบไปวันๆ เพื่อดูแลครอบครัวให้ดีเพียงเท่านั้น แต่เมื่อได้ทำงานไปเรื่อยๆ ได้พบปะเจอผู้คนหลากหลาย ทั้งในระดับหัวหน้างาน ผู้คนในแผนกต่างๆ ลูกค้า ไปจนถึงระดับผู้บริหาร เลยมีความคิดอยาก “รู้นั้น” “รู้นี่” “อยากรู้ว่าวิศวกรเค้ามีวิธีการคิด และทำงานกันอย่างไร” เพื่อที่จะได้นำมาประยุกต์ใช้กับงานปัจจุบันให้ดีขึ้น และสามารถสื่อสาร อธิบายวิธีการทำงานให้ผู้บริหารได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ตอนนั้นคิดว่าเราจะทำงานเรื่อยๆ แบบนี้ไปทุกวันๆ ไม่ได้ ถ้าอยากรู้เพิ่มเติม อยากเป็นคนที่เก่งขึ้น ก็ต้องเรียนรู้เพิ่ม วิชาที่ร่ำเรียนมาในสายอาชีพอาจไม่พอ จึงตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยสยาม เลือกเรียนช่วงตอนเย็น และวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะไม่สามารถลาออกไปเรียนอย่างเดียวได้ เมื่อได้เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็ค่อยๆ สะสมความรู้จากมหาวิทยาลัย และจากการปฏิบัติงานจริง จึงเกิดความเข้าใจในการทำงานมากขึ้น และยิ่งตื่นเต้น อยากเรียนรู้มากขึ้นไปอีก กล้าที่จะก้าว เมื่อโอกาสมาถึง เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม “เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ตอนนั้นรู้สึกท้าทาย และยังไม่ได้มั่นใจนัก แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่ม” หลังจากทำงานเป็นช่างเทคนิคมาได้สักระยะ จนในปี 2538 เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร บริษัทฯ ที่ทำในตอนนั้นมีการจัดโครงสร้างภายในใหม่ มีทั้งการแยกทีมงานออกไปตั้งบริษัทย่อยหลายบริษัท จนได้รับโอกาสจากผู้บริหารเสนอให้เข้ามาทำงานที่บริษัท Plus Property รับผิดชอบงาน Support ดูแลระบบวิศวกรรมส่วนกลาง ซึ่งเป็นขอบข่ายงานที่กว้างขึ้นกว่าเดิมมาก จากที่เคยรับผิดชอบดูแลแค่เพียงอาคารเดียว แต่ตอนนี้ต้องดูระบบวิศวกรรมทั้งหมด ในตอนนั้นรู้สึกท้าทาย และยังไม่ได้มั่นใจตัวเองมากนักว่าจะทำได้ แต่ก็คิดว่าเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ได้เรียนรู้เยอะขึ้น จึงตัดสินใจเข้ามาทำงานที่พลัสฯ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อได้เข้ามาทำงานที่พลัสฯ ก็ได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้นจริงๆ ทำให้เปลี่ยนความคิดในการทำงาน ได้เห็น “ภาพกว้าง” ที่เราต้องรับผิดชอบมากขึ้น ที่พลัสฯ มีอะไรให้เรียนรู้ได้ทุกวัน เพราะอาคารมีการพัฒนาขึ้นทุกวันๆ…

เบื้องหลังวิธีการดูแลคุณภาพที่ดีในทุกมิติจาก PLUS PROPERTY สู่ความสำเร็จคุณภาพระดับสากล

ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ไม่อาจจบได้แค่เพียงการวางแผนเลือกทำเล ดีไซน์ Developer เพราะในระยะยาวเราจะต้องอยู่กับบ้านหลังนี้ไปอีกอย่างต่ำ 5-10 ปี การบริการหลังการขายจึงเป็นเรื่องสำคัญ การสร้างอาคารที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย คอมมูนิตี้ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ สถานบริการต่างๆ ที่มีจำนวนผู้ใช้มาอยู่รวมกัน อาจต้องอาศัยระบบการจัดการที่ดี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกฝ่าย เจ้าของอาคาร ผู้ใช้อาคาร ผู้เยี่ยมชม ผู้เช่า ประสบการณ์การอยู่อาศัย และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงการดูแลทรัพยากรอาคาร และการจัดการพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ “ผู้คน” คือเป้าหมายสำคัญของการมุ่งมั่นพัฒนา ยกระดับการบริหารจัดการ Property Management ของ Plus Property  พบกับ 6 เรื่องดีๆ ที่มี Plus Property คอยดูแลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การก้าวเป็นอันดับ 1 เรื่องคุณภาพระดับสากลของการบริการ Property Management ที่พลัสฯ ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ที่ดี พร้อมสร้างคุณภาพชีวิต เพื่อตอบโจทย์การดูแลได้ครบทุกมิติเพื่อคุณ 1. เน้นงานบริการที่ให้ “ผู้คน” เป็นศูนย์กลาง และใช้เทคโนโลยีมาช่วยเสริมงานบริหาร PLUS Property มีมาตรฐานการทำงาน ฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจขั้นตอนต่างๆ ผ่านสถาบัน Plus Eduplex และฝ่ายควบคุมมาตรฐานการทำงานภายใน เพื่อให้พนักงานปฏิบัติงานได้ในมาตรฐานเดียวกัน บริหารงานด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ และพร้อมปรับปรุงขั้นตอนการทำงานโดยรับฟังเสียงจากลูกบ้าน กระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการและการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เน้นงานบริการที่ให้ “ผู้คน” เป็นศูนย์กลาง ดูแลอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันใส่ใจในรายละเอียด พร้อมให้บริการอย่าง “ทันท่วงที” เช่น จัดการไปรษณีย์ รับ-บันทึก-จัดเก็บ-แจกจ่าย ให้สะดวกที่สุด ดูแลแก้ปัญหากฏระเบียบการอยู่อาศัยร่วมกัน ช่วยดูแลช่วยเหลือเมื่อเกิดกรณีเจ็บป่วย ฉุกเฉิน มีบริการ In room service ดูแลอุปกรณ์ในห้องพัก แกนหลักของงานบริการของพลัสฯ ให้ความสำคัญกับมนุษย์สัมพันธ์ (Human Relationship) และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ เพื่อให้ลูกบ้านได้รับทั้งความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี และยังได้รับความใส่ใจ การดูแลจากคน ซึ่งทำให้รู้สึกดี เหนือระดับกว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเรื่องงานบริการของ Plus Property คือช่วงโควิดสองปีที่ผ่านมา นอกจากการดูแลเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมพัสในพื้นที่ส่วนกลางทุกจุดตลอดทั้งวัน พลัสฯ ยังมีการดูแลอำนวยความสะดวกลูกบ้านที่ติดเชื้อ หรือกักตัวภายในโครงการ อย่างเต็มที่ในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการส่งอาหารพัสดุต่างๆถึงหน้าประตูห้อง จัดรอบเก็บขยะติดเชื้อ ช่วยติดตามอาการ ช่วยประสานรถโรงพยาบาล รวมถึงอัพเดทข่าวสาร และวิธีการดูแลตัวเองให้ลูกบ้านทุกสัปดาห์ ทำให้สามารถดูแลบริหารการอยู่ร่วมกันของลูกบ้านทุกคนได้อย่างราบรื่น 2. เน้นดูแลสภาพโครงการให้ดี เพื่อรักษาและเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ให้สูงขึ้นตามกาลเวลา ดูแลสภาพโครงการให้ดี เพื่อรักษาและเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ให้สูงขึ้นตามกาลเวลา “แม้เวลาจะผ่านไปแต่ต้องไม่โทรม”  การดูแลสภาพโครงการด้านกายภาพให้คงสวยงามอยู่เสมอเป็นประตูด่านแรกที่ผู้พักอาศัย และผู้ใช้อาคารทุกคนสัมผัสได้ Plus Property ดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการให้พร้อมใช้งาน มีการดูแลรักษากายภาพต่าง ๆ ให้คงคุณภาพดีและดูใหม่อยู่เสมอ…

ยกระดับอสังหาริมทรัพย์ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ LIV-24

ท่ามกลางสถานการณ์ภัยร้ายและอุบัติเหตุต่างๆ ที่ล้วนอยู่รอบตัวเราในปัจจุบัน   ไม่ว่าจะเป็นในกรณีของรปภ. บุกขึ้นห้องขืนใจลูกบ้านคอนโด ขโมยบุกขึ้นบ้านหรูหลายหลังในคืนเดียว บุคคลนอกบุกเข้าพื้นที่เพื่อทำร้ายร่างกายถึงภายในบ้าน และเหตุการณ์อื่นๆ ที่พร้อมใจเกิดขึ้นทุกวันโดยไม่ทันให้คนในบ้านได้ตั้งตัว ทำให้ผู้อยู่อาศัยในที่ต่างๆ รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย และรู้สึกกังวลใจเมื่อต้องอยู่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น แม้ในพื้นที่สาธารณะก็ยังสามารถเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์กราดยิงในห้างสรรพสินค้า เหตุไฟฟ้าลัดวงจรในโรงงานจนเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ก่อให้เกิดความสูญเสีย และความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนคืนหรือประเมินค่าได้ จนทำให้หลายคนอาจมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นอุบัติเหตุที่ไม่สามารถป้องกันได้ และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่จริงๆ แล้ว หากมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี จะทำให้สามารถป้องกันภัยเหล่านี้ได้ก่อน หรือลดความเสียหายและสูญเสียลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยและครอบคลุมได้ดีอย่างระบบ LIV-24 มาช่วยยกระดับความปลอดภัยในทุกๆ ด้าน พร้อมเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยและจัดการระบบวิศวกรรมส่วนกลางได้ทุกรูปแบบเพื่อให้ทุกสถานที่มีความปลอดภัยและมั่นใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง   ข้อดีระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24  ดูแลความปลอดภัยแบบ 360 องศา ทั้งความปลอดภัยรอบโครงการและวิศวกรรมส่วนกลาง ด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น AI CCTV ANALYTIC ที่ช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหวและวิเคราะห์ความผิดปกติที่เกิดขึ้น, DIGITAL FENCE ระบบป้องกันแนวรั้ว ที่สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวและมีการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์, REAL TIME GUARD TOUR ระบบตรวจสอบสถานะการตรวจตราของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และ SAFETY SYSTEM ระบบตรวจการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโครงการให้พร้อมใช้งาน เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยดูแลความปลอดภัยได้อย่างครอบคลุม มาพร้อมกับ PROFESSIONAL AGENT ON DUTY เจ้าหน้าที่ LIV-24 ประจำศูนย์สั่งการ ทำงานตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง ช่วยเฝ้าระวังเหตุ วิเคราะห์ และรายงานผลหรือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถระงับเหตุได้อย่างรวดเร็ว การทำงานร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีกับมนุษย์  เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ป้องกันทุกข้อผิดพลาดได้อย่างทันท่วงที หลายโครงการอาจพบปัญหาในเรื่องของการขาดบุคลากรในการตรวจสอบและซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งระบบวิศวกรรมส่วนกลางนั้น จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลและตรวจเช็กจากผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำ เพื่อซ่อมแซมในเชิงป้องกัน ก่อนจะเกิดภัยร้ายที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 มีเทคโนโลยี IoT Facility Management สามารถช่วยเก็บข้อมูลเกี่ยวกับระบบน้ำและการบำบัดน้ำเสีย (Water Management), ระบบไฟฟ้า (Electricle Management), คุณภาพอากาศ (Air Quality Management) รวมถึงอุปกรณ์และเครื่องจักรต่างๆ และระบบดับเพลิงในอาคาร แล้ววิเคราะห์ด้วยระบบ AI หากเกิดความผิดปกติหรือถึงเวลาที่ต้องซ่อมแซมจะมีการแจ้งเตือน และรายงานผลอย่างชัดเจน เพื่อให้การวางแผนปรับปรุงแผนซ่อมบำรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัยหายห่วงด้วย Visitor Management System  ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครแอบแฝงตัวเข้ามาในละแวกที่อยู่อาศัยของเรา เพราะระบบ LIV-24 มีระบบควบคุมการเข้า-ออกโครงการ สำหรับผู้มาติดต่อ ตั้งแต่การลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเข้าโครงการ การบันทึกข้อมูลผู้เข้า-ออก ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติจากเทคโนโลยี LPR (License Plate Recognition)…

พามารู้จักเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 เทคโนโลยีอัจฉริยะดูแลอย่างครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง

พลัสฯ พามาทำความรู้จักเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 ตัวช่วยสำหรับงานบริหารอาคารและทรัพยากรอาคารให้มีประสิทธิภาพ ให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด งานบริหารอาคารและทรัพยากรอาคารนั้นเป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะทำให้สภาพของอาคารหรืออสังหาริมทรัพย์น่าอยู่อาศัย พร้อมใช้งานและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ เพราะหากไม่ได้มีการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี หรือโดยผู้เชี่ยวชาญแล้ว จะทำให้อาคารหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นชำรุดทรุดโทรม รวมถึงมีความเสื่อมถอยที่ทำให้ลดอายุการใช้งานของอาคารและงานระบบวิศวกรรมลง ซึ่งจะทำให้ผู้อยู่อาศัยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ และไม่สามารถสร้างมูลค่ากับอาคารหรือห้องชุดได้ สำหรับงานบริหารอาคารและทรัพยากรอาคารนั้นจะมีรายละเอียดที่ต้องการความเอาใจใส่ดูแลที่แตกต่างกันไป ดังนั้นทุกอาคารควรมีผู้ที่เข้ามาทำงานบริหารอาคารและทรัพยากรอาคารอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการ ซึ่งหากมีการจัดการด้านการดูแลความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ก็จะช่วยการันตีความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจให้ผู้ใช้อาคารได้ และยังช่วยป้องกันและยับยั้งเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี วันนี้พลัสฯ ขอแนะนำให้รู้จักเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 ที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมในการดูแลครอบคลุมทุกด้าน ผ่านการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทำงานแบบ Realtime ตลอด 24 ชั่วโมง รับรองว่าหากนำ LIV-24 ระบบรักษาความปลอดภัย และระบบวิศวกรรมในอาคารไปใช้ จะช่วยให้ผู้อยู่อาศัย ผู้ใช้อาคาร อุ่นใจ ปลอดภัย และหายห่วง “LIV-24” เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยแห่งยุค NEXT NORMAL LIV-24 คือ เทคโนโลยีอัจฉริยะที่คอยดูแลให้ลูกบ้านและผู้ใช้งานอาคารสามารถอยู่อาศัยได้อย่างอุ่นใจและเป็นไปอย่างปลอดภัยที่สุด ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำเพียงหนึ่งเดียวในวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย ที่เชื่อมต่อระหว่างระบบรักษาความปลอดภัยและระบบวิศวกรรมอาคาร คอยควบคุมดูแลความปลอดภัยในทุกพื้นที่อย่างเต็มรูปแบบตลอด 24 ชั่วโมง  ด้วยรูปแบบการดูแลรักษาทั้งแบบก่อนเกิดเหตุ (Preventive Maintenance) ไปจนถึงความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุแล้ว (Professional Monitoring)  LIV-24 ประกอบด้วยเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย 2 ระบบหลักๆ ได้แก่ ระบบรักษาความปลอดภัยรอบโครงการ (Security System) และ เทคโนโลยีจัดการระบบวิศวกรรมส่วนกลาง (IOT Facility Management) ทำงานร่วมกับทีมให้คำปรึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real-time Consult and Analysis) ที่มีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์สั่งการ ทำงานตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง ร่วมกับเทคโนโลยีสังเกตการณ์อัจฉริยะที่จะคอยเฝ้าระวังและวิเคราะห์สถานการณ์ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเจ้าหน้าที่จะคอยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีตำรวจ ดับเพลิง หรือสถานพยาบาล รวมไปถึงทีมหน้างานอย่างเจ้าหน้าที่อาคาร ช่าง และรปภ. เพื่อเข้าระงับเหตุการณ์ในทันที นอกจากนั้นยังจัดเก็บข้อมูลจากระบบต่างๆ มาประมวลผล วิเคราะห์เพื่อต่อยอดให้การอยู่อาศัยเป็นไปด้วยความปลอดภัยอย่างดีที่สุด จุดเด่น “LIV-24” ของเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 สร้างความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยด้านความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบประกอบด้วย SECURITY SYSTEM CCTV – VIDEO ANALYTICS ระบบบันทึกภาพที่คอยตรวจจับการเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง ทำงานด้วยระบบ Detect Monitoring สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต ควันไฟ หรือแม้แต่ในจุดอับสายตา มาพร้อมกับระบบ VIDEO ANALYTICS ช่วยวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ REAL-TIME GUARD TOUR เครื่องมือที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยรักษาความปลอดภัยให้เป็นระบบระเบียบ ด้วยระบบการตรวจสอบการเดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ของรปภ. ภายในโครงการอย่างทั่วถึง หากเจ้าหน้าที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือเดินตรวจตราไม่ทั่วทั้งโครงการ ทางศูนย์ควบคุมจะสามารถรับรู้ได้ทันที…

วิธีลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก อัปเดตปี 2565 เอกสารลดหย่อนภาษีบ้าน ที่ควรรู้

หลายคนคงคิดว่าเรื่องการยื่นภาษีเป็นเรื่องใหญ่และไกลตัว แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเคยซื้อบ้าน ซื้อคอนโด รู้หรือไม่ว่าสามารถนำไปลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ถึง 200,000 บาท และสามารถยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90/91 สามารถยื่นภาษีตั้งแต่วันนี้ – 8 เม.ย. 65 สำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ต้องเตรียมเอกสารที่ใช้ลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยบ้านหลังแรกอะไรบ้าง ไม่ต้องกังวลใจไป   เพราะพลัส พร็อพเพอร์ตี้ได้รวมทุกสิ่งไว้ในบทความนี้หมดแล้ว เพียงแค่อ่านบทความนี้จบคุณก็ยื่นหักลดหย่อนภาษีเสร็จพอดี   1. ประเภทของอสังหาฯ ที่อยู่ในเกณฑ์ ประเภทของอสังหาฯ ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีกรณีบ้านหลังแรกได้นั้น เป็นที่อยู่อาศัยทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านพร้อมที่ดิน บ้านแฝด ทาวน์โฮม รวมไปถึงคอนโด ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือมือสองก็ได้ไม่จำกัด แต่ต้องมีราคาซื้อขายไม่เกิน 3 ล้านบาท และจะซื้อด้วยเงินสด หรือเงินผ่อนก็ได้ แต่ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 13 ตุลาคม 2558 – 31 ธันวาคม 2559 ดังนั้น ถ้าโอนกรรมสิทธิ์ไม่ทันช่วงเวลานี้ ก็จะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยบ้านหลังแรกได้เช่นกัน 2. หลักฐานและเอกสารที่ใช้ลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก สำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก อย่าลืมเตรียมหลักฐานและเอกสารที่ใช้ลดหย่อนดอกเบี้ยบ้านต่างๆ ให้พร้อมเพื่อประกอบการยื่นภาษี ซึ่งมีดังนี้ หนังสือรับรองจำนวนเงินที่ชำระค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ (ดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่นี่)  หนังสือรับรองการซื้ออสังหาริมทรัพย์ว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลังแรก(ดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่นี่) สำเนาสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน (ท.ด. ๑๓) มีตราครุฑ  สำเนาสัญญากู้ยืมเงิน (กรณีกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน) อันนี้ตัวจริงคุณต้องได้จากธนาคารมาอยู่แล้ว 3. สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ เจ้าของบ้านหลังแรกจะใช้สิทธิลดหย่อนได้ 20% ของราคาบ้านที่ซื้อมา โดยจะเฉลี่ยใช้สิทธิเท่าๆ กัน 5 ปี ตัวอย่างเช่น ถ้าซื้อบ้านมาในราคา 3,000,000 บาท จะได้รับค่าลดหย่อน 600,000 บาท (20% ของราคาบ้าน 3,000,000 บาท) ค่าลดหย่อน 600,000 บาทนี้ จะเฉลี่ยใช้สิทธิได้ 5 ปี ตกปีละ 4% หรือ 120,000 บาท เท่ากับ 600,000 ÷ 5 ปี หรือพูดง่ายๆ คือสามารถลดหย่อนสูงสุดได้ไม่เกินปีละ 120,000 บาท นั่นเอง แต่ค่าลดหย่อนดอกเบี้ยบ้านและลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกนี้สามารถใช้ได้จนถึงปีภาษี 2562 หรือ 2563 แล้วแต่ว่าซื้อบ้านหลังแรกในปีไหน แต่การใช้สิทธิจะเริ่มนับตั้งแต่ปีที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งนี้ ระหว่างระยะเวลาใช้สิทธิ 5 ปี หากลืมใช้สิทธิในปีไหนก็จะเสียสิทธิในปีนั้นไปเลยไม่สามารถนำไปทบในปีถัดไปได้อีก   4. ขั้นตอนในการยื่นภาษีออนไลน์ ก็เหมือนกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 จนไปถึงหน้า 5 คำนวณภาษี เพียงกรอกข้อมูลในช่องที่บอกว่า “เงินได้ที่จ่ายเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ (ผู้มีเงินได้)…

รู้ทัน! ราคาประเมินคอนโด ห้องชุดและที่ดิน สำหรับ ปี 2565

หากใครคิดที่จะลงทุนเกี่ยวกับอสังหาฯ ไม่ว่าเป็น คอนโด ห้องชุดและที่เดิน ต้องไม่พลาดที่จะเช็คราคาประเมินคอนโดก่อน แต่ในปีนี้จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความชะลอตัว และสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ที่ทำให้สภาพเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว จากเดิมราคาประเมินคอนโด 2565 จะต้องประกาศใช้แล้ว ซึ่งข่าวล่าสุดกรมธนารักษ์เตรียมพิจารณาเลื่อนประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินทั่วไประเทศรอบใหม่ออกไปอีก 1 ปี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ราคาประเมินคอนโด ห้องชุดและที่ดินทั่วประเทศในปี 2565 ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 กรมธนารักษ์เปิดเผยว่ายังคงใช้ราคาประเมินเดิมในรอบปี 2559-2563 ลากยาวไปจนถึงสิ้นปี 2565 และถ้าหากใครที่ยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับราคาประเมินคอนโดว่าคืออะไร แล้วเราจะสามารถเช็คราคาประเมินคอนโดได้ที่ไหน พลัสฯมีคำตอบให้ครับ “ราคาประเมิน” ที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆ ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ “ราคาประเมินที่ดิน” และ “ราคาประเมินอาคารชุดหรือห้องชุด” ราคาประเมินที่ดินคืออะไร และ ราคาประเมินอาคารชุดหรือห้องชุด ต่างกันอย่างไร ? ราคาประเมินที่ดิน คือ การตีราคาหรือกำหนดมูลค่าของราคาที่ดินแต่ละแปลงนั่นเอง โดยปกติแล้วราคาประเมินที่ดินจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ตามศักยภาพของทำเลที่ตั้งและความเจริญของทำเล เช่น ถนนตัดใหม่, ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด่วน ห้างสรรพสินค้า แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ส่วน “ราคาประเมินอาคารชุดหรือห้องชุด” คือ การตีราคาหรือกำหนดมูลค่าของราคาอาคารชุด ซึ่งทั้ง 2 ประเภทจะมีกรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแลกำหนดราคากลางเอาไว้ ซึ่งมูลค่าก็จะเป็นไปตามศักยภาพของที่ดินแต่ละแปลงและคุณสมบัติของอาคารชุดหรือคอนโด แต่ละโครงการ รู้ราคาประเมินห้องชุดไว้ได้ประโยชน์ สำหรับนักลงทุนอสังหาฯ ประโยชน์หลักๆ ของราคาประเมินอาคารชุด รวมถึงราคาประเมินห้องชุด-คอนโดเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนอสังหา ก็เพื่อนำมาใช้เป็นคำนวนค่าธรรมเนียมภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ในการทำนิติกรรมอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนอง การซื้อ-ขาย ที่เกิดขึ้น และจะใช้คำนวนค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน โดยส่วนใหญ่จะคิดค่าใช้จ่าย 1-2% ของราคาประเมิน รวมทั้งกรณีที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีความ ศาลก็จะใช้ราคาประเมินนี้ในการคิดค่าความเสียหาย หรือในกรณีนำสินทรัพย์ไปค้ำประกัน ลงทุน ธุรกรรมต่างๆ ส่วนประโยชน์อื่นๆ สำหรับนักลงทุนอสังหาแล้ว ข้อมูลราคาประเมินที่ดินและราคาประเมินห้องชุดเหล่านี้ สามารถนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนอสังหาในรูปแบบต่างๆ หรือรวมถึงการประเมินศักยภาพของแต่ละทำเลที่จะเลือกลงทุนอสังหาได้ด้วย โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์ศักยภาพของทำเลและศักยภาพของโครงการในอนาคตเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน อัพเดทราคาประเมินที่ดิน-คอนโด-อาคารชุด ปี 2565 หากต้องการเช็คราคาประเมินคอนโด 2565 นี้ควรทราบก่อนว่าราคาประเมินที่ดิน และราคาประเมินอาคารชุด-คอนโด จะมีการอัพเดททุกๆ 4 ปี สำหรับราคาที่ประเมินดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เป็นของรอบประเมินเดิม 2559-2562 ที่ผ่านมากรมธนารักษ์เคยประกาศเลื่อนใช้ราคาที่ดินประเมินใหม่ไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยได้เลื่อนใช้จากต้นปี 2563-2564 และยาวไปจนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งปี 2564 นี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมธนารักษ์ระบุว่าสามารถใช้ราคาประเมินที่ดินรอบปัจจุบันอยู่ที่ ระหว่างปี 2563-2564 ได้ (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ใช้ไปพลางก่อน โดยอัตราการเปลี่ยนแปลงภาพรวมทั้งประเทศ ราคาเพิ่มเฉลี่ย อยู่ที่ 8.81-10%  จากภาวะเศรษฐกิจ   ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย จากการสำรวจราคาที่ดิน ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า…

แนะนำคอนโดจตุจักรที่เหมาะกับชาว First Jobber!

คนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่อย่าง First Jobber หรือเด็กจบใหม่ ช่วงอายุ 22-25 ปี เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้และปรับตัว พร้อมแสวงหาสิ่งดีๆ ให้กับชีวิต และยังวาดฝันถึงความมั่นคงในชีวิต แต่ First Jobber ในยุคนี้ มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและมีวิถีชีวิตแตกต่างไปจากมนุษย์เงินเดือนในยุคก่อนๆ เพราะคนเจนนี้มองหาชีวิตแบบ Work-Life Balance กันมากขึ้น “เวลา” จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้สามารถจัดสรรชีวิตได้ตามความต้องการ การมองหาตัวช่วยในการประหยัดเวลาชีวิตด้วยการอาศัยอยู่ในคอนโดใกล้รถไฟฟ้า จึงเป็นทางออกที่ลงตัว และคอนโดราคาล้านต้นๆ อย่างคอนโดจตุจักรก็ยิ่งตอบโจทย์กับ First Jobber วัยสร้างตัวที่ยังมีรายได้ไม่สูงมากนัก ย่านจตุจักร-สะพานควายนับเป็นอีกย่านฮอตฮิตที่ชาวออฟฟิศหลายๆ คน เลือกมาอยู่อาศัยกัน ด้วยการเดินทางที่สะดวก ใช้เวลาเดินทางเข้าย่านใจกลางเมืองและย่านธุรกิจอย่าง CBD ได้ไม่ถึง 30 นาที มีระบบขนส่งสาธารณะที่สามารถเดินทางออกไปชานเมืองและต่างจังหวัดได้ง่าย ไม่ว่าจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนก็สามารถตอบโจทย์ได้ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ตลาดนัดจตุจักร สวนสาธารณะ และโรงพยาบาล ที่สำคัญยังมีคอนโดจตุจักรสะพานควายล้านต้นๆ ให้จับจองกันอยู่ด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมทำเลจตุจักร-สะพานควายเป็นตัวเลือกที่ชาว First Jobber มองหา ไม่ว่าจะซื้ออยู่อาศัยเองหรือซื้อเพื่อการลงทุนก็คุ้มค่าแน่นอน วันนี้พลัสฯ จะมาขอแนะนำคอนโดจตุจักร สะพานควาย น่าอยู่ พร้อมแนะนำการวางแผนซื้อคอนโดฉบับมือใหม่ จะต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่และวางแผนกู้อย่างไรให้ผ่านฉลุย 3 ขั้นตอนวางแผนซื้อคอนโดสำหรับมือใหม่ 1.สำรวจความต้องการ สิ่งแรกที่ควรทำคือการสำรวจความต้องการของตัวเอง ว่าต้องการซื้อคอนโดไปเพื่อจุดประสงค์อะไร เช่น เพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อการลงทุน เพราะจะมีปัจจัยที่จะพิจารณาแตกต่างกัน ซึ่งการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน จะช่วยในการเลือกคอนโดได้ตรงความต้องการและกำหนดขอบเขตของงบประมาณได้ชัดเจนมากขึ้น 2.ตรวจสอบสถานะการเงิน  ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ถึงจะซื้อคอนโดได้ สามารถพิจารณาจากรายได้ต่อเดือนและสภาพคล่องทางการเงิน โดยการกู้เงินธนาคารเพื่อซื้อคอนโดนั้น จะต้องคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน เพื่อดูว่าธนาคารสามารถให้วงเงินกู้ได้เท่าไหร่ ก่อนอนุมัติวงเงินสินเชื่อได้ แล้วจึงมองหาราคาคอนโดที่ครอบคลุมกับวงเงินกู้ที่ธนาคารให้ได้ โดยสามารถคำนวณความสามารถในการผ่อนสูงสุดต่อเดือนและวงเงินกู้ได้ ดังนี้ ความสามารถผ่อนชำระต่อเดือน = (เงินเดือน x 40%) – ภาระหนี้สินอื่นๆ เช่น มีเงินเดือน 15,000 บาท และไม่มีภาระหนี้สินอื่น จะมีความสามารถในการผ่อนชำระอยู่ที่ 6,000 บาทต่อเดือน และเงินเดือน 20,000 บาท จะมีความสามารถในการผ่อนชำระอยู่ที่ 8,000 บาทต่อเดือน วงเงินที่สามารถกู้ได้ = 1,000,000 x ความสามารถผ่อนชำระต่อเดือน/7,000 จากการประเมินคร่าวๆ จะคำนวณจำนวนเงินผ่อนชำระต่องวด 7,000 บาท ต่อยอดหนี้ 1 ล้านบาท เท่ากับว่าหากมีเงินเดิน 15,000 บาท จะมีวงเงินที่สามารถกู้ได้ประมาณ 857,143 บาท และเงินเดือน 20,000 บาท…

บริษัท PROPERTY MANAGEMENT บริหารจัดการคอนโดอย่างไร ให้คงความสวยงาม ปลอดภัย เพิ่มมูลค่า

การดูแลซ่อมแซมด้านกายภาพ และระบบของโครงการ เป็นหนึ่งในหน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้บริหารอาคารนิติบุุคคลอาคารชุด หรือบริษัท Property Management ที่ต้องบำรุงรักษาสภาพโครงการ เสริมภาพลักษณ์ที่ดี และเพิ่มมูลค่าให้แก่โครงการที่พักอาศัย เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย และสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีให้แก่ลูกบ้าน การว่าจ้างบริษัทบริหารงานนิติบุคคล หรือ บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Property Management เพื่อเข้ามาดูแลโครงการที่พักอาศัย ควรต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายๆ ด้านทั้งทางด้านงานบริการ การบริหารจัดการพื้นที่ภายในโครงการ ระบบวิศวกรรมอาคาร ภูมิทัศน์ การบริหารงบประมาณ รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างๆ บริษัทบริหารอาคารที่มีประสบการณ์ มักจะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางคอยวางกลยุทธ์ จัดการประเมินความเสี่ยง ตรวจสอบศักยภาพโครงการให้อยู่เสมอ จะสามารถจัดการรายละเอียดการบริหารโครงการได้อย่างเป็นมืออาชีพ เปลี่ยนความกังวลให้เป็นความสบายใจด้วยทีมงานบริหารอาคารมืออาชีพ กับระบบงานที่ตรวจสอบได้จาก Plus Living Management พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Property Management อันดับต้นๆ ในประเทศไทย มาพร้อมทีมสนับสนุนส่วนกลางมืออาชีพในทุกด้านของการบริหารอาคารตั้งแต่ต้นจนจบ มีระบบงานที่ถูกออกแบบมาให้ควบคุมการทำงานเชิงรุก ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ทำให้ภาพลักษณ์โครงการสวยงาม ระบบต่างๆ พร้อมใช้งาน งานบริหารโครงการเป็นไปตามแผน สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดี ด้วยทีมงานที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐาน ทำงานด้วยใจ พร้อมนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ในการบริหารอาคาร และการอยู่อาศัยในทุกรูปแบบ ด้วยบทพิสูจน์กว่า 300 โครงการที่โครงการชั้นนำมั่นใจ พร้อมเลือกใช้บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคลคอนโด กับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ คลิกที่นี่ เพื่อปรึกษางานบริหารอาคารที่ครอบคลุมทุกมิติการอยู่อาศัย มั่นใจยิ่งขึ้นกับทีมสนับสนุนส่วนกลางจาก Plus Living Management   ทีมสนับสนุนส่วนกลางจากพลัสฯ เป็นทีมที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการดำเนินงานให้ฝ่ายจัดการโครงการครอบคลุมในทุกด้านของการบริหารอาคาร เพื่อให้งานบริหารโครงการเป็นไปตามแผน ตรวจสอบได้ และสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีของทุกโครงการภายใต้การดูแลจากพลัส พร็อพเพอร์ตี้ Set Up Team หัวใจหลักของการรับมอบงาน คือ ถูกต้อง ครบถ้วน ไร้รอยต่อ พลัสฯ มีฝ่ายปฏิบัติการ Set up โดยเฉพาะ มีหน้าที่ช่วยให้การรับมอบงานครบถ้วน ฝ่ายจัดการฯ ประจำโครงการพร้อมปฏิบัติงานอย่างราบรื่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ทันที โดยไม่รู้สึกติดขัด Engineering & Maintenance Support Team ระบบวิศวกรรมในอาคาร และที่พักอาศัยต้อง ปลอดภัย และ พร้อมใช้งาน พลัสฯ มีฝ่ายวิศวกรรม และงานซ่อมบำรุง ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ให้การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง ทุกแง่มุมด้านงานระบบวิศวกรรมอาคาร ทั้งตรวจสอบ วางแผน และดูแลบำรุงรักษา เพื่อให้ระบบต่างๆ ภายในอาคารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ Organization and Quality Management Team ตรวจสอบ พัฒนา แก้ไข บริการ…

ไขข้อข้องใจ ซื้อคอนโดยุคนี้ ควรมีอะไรบ้าง? ถึงเรียกได้ว่าคุ้มค่า

ในวันที่อสังหาฯ เติบโตต่อเนื่อง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาที่อยู่อาศัยสักแห่ง แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคอนโดที่เราเลือกนั้นดีและเหมาะสมกับเราจริง โดยเฉพาะในเวลาที่สถานการณ์ไม่แน่นอน ทุกเม็ดเงินที่เสียไปจึงต้องทำให้เรามั่นใจได้ว่าคุ้มค่า วันนี้พลัสฯ จะพาไปไขข้อข้องใจในเรื่องนี้กันว่า…มีอะไรที่เราต้องคำนึงบ้าง เมื่อเป็นเรื่องของการซื้อคอนโดในปี 2021 นี้ ทำเลยังเป็นทุกอย่างหรือไม่? ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียม สิ่งแรกที่เรามักนึกถึง คือเรื่องของทำเล ที่มักเป็นตัวชี้วัดถึงมูลค่าเบื้องต้นของโครงการ และเป็นจุดขายอันดับต้นๆ ที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มักนำมาชู ด้วยการเติบโตของรถไฟฟ้าและการขยายของตัวเมือง ทำให้ทำเลเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องของรถไฟฟ้า ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางได้เป็นอย่างดี ทำให้โครงการอยู่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า หรือใจกลางย่านสำคัญ (Prime Area) สามารถทำราคาได้สูง เพราะส่งผลให้ราคาในการปล่อยเช่า และเก็งกำไรขายต่อในอนาคตสูงตามราคาที่ดินไปด้วย Quattro by Sansiri | หนึ่งในโครงการใจกลางทองหล่อที่เคยสร้างปรากฎการณ์ Sold Out ในเวลาอันสั้น และมูลค่าถีบตัวขึ้นจากราคาเปิดตัว จากทำเลใจกลางทองหล่อ คุณภาพของการพัฒนาโครงการของแสนสิริ และการดูแลของ Plus Property อย่างไรก็ตาม การอยู่ในย่านใจกลางเมืองหรือทำเลที่ติดถนนใหญ่ใกล้รถไฟฟ้าเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีข้อด้อยในด้านความวุ่นวาย และความเป็นส่วนตัว และในปัจจุบัน ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมีความหลากหลายมากขึ้น และให้ความสำคัญในมุมอื่นๆ มากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากต้องแลกกับการอยู่อาศัยที่ทิ้งห่างออกไปจากบริเวณสถานีรถไฟฟ้ามากขึ้น แต่ได้มาด้วยความเป็นส่วนตัว หรือบริเวณที่พักอาศัยที่สามารถตัดขาดจากความวุ่นวายได้ ก็ถือได้ว่ามีความคุ้มค่าสำหรับผู้อยู่อาศัยบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าชาวต่างชาติ ที่เทรนด์เริ่มมีการเปลี่ยนจากการเช่าอาศัยบริเวณสุขุมวิทตอนต้นหรือตอนกลางเส้นหลัก ไปอยู่ที่บริเวณสุขุมวิทตอนปลาย เพื่อที่นอกจากจะได้ในราคาถูกกว่า ยังลดความหนาแน่นของผู้คน หรือไปอยู่ในโครงการที่มีความเป็นชุมชนมากขึ้น  kawa HAUS | คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ทที่กำลังมาแรงในหมู่ชาวไทยและต่างชาติ ด้วยจุดเด่นที่ให้บรรยากาศเหมือนไปเที่ยวที่พักตากอากาศ ทำเลที่ห่างไกลความวุ่นวายของเมือง และความสะดวกที่ครบครันของชุมชน T77 จุดนี้เองที่ทำให้หลายโครงการในปัจจุบัน ที่แม้ไม่ได้อยู่ในทำเลเส้นหลักที่ใกล้รถไฟฟ้า หรือย่านธุรกิจ แต่ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้งในเรื่องของส่วนกลาง และจุดดึงดูดของย่านที่ตั้งของโครงการ ที่นับได้ว่าเป็นมูลค่าที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน มายาคติ อยู่คอนโดได้ไม่เหมือนอยู่บ้าน  ด้วยภาพจำในอดีตของการอยู่อาศัยในตึกแถวและมีพื้นที่จำกัด ทำให้หลายคนมักนึกถึงประสบการณ์การอยู่คอนโดว่าคับแคบ อึดอัด และขาดความเป็นชุมชน เพราะมองว่าการอาศัยอยู่ในเมืองนั้นไม่ปลอดภัย โดยอาจจะไม่ทันได้นึกไปว่า สำหรับโครงการคอนโดจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่น่าเชื่อถือนั้น ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ และเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้หลายคนหันมาอยู่คอนโดกันมากขึ้นในปัจจุบัน เสน่ห์ของการอยู่หมู่บ้าน คือสวนส่วนกลางและพื้นที่ แต่สำหรับคอนโดในโครงการ T77 มีพื้นที่ส่วนกลางของโครงการที่ให้บรรยากาศที่สงบเหมือนอยู่ในหมู่บ้าน จึงมีบรรยากาศที่ไม่ต่างจากอยู่บ้านตามไปด้วย บรรยากาศของการอยู่คอนโดที่เป็นชุมชนและมีความน่าอยู่นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปสำหรับหลายโครงการในยุคนี้ เพราะทีมบริหารโครงการในปัจจุบันไม่ได้ทำหน้าที่เพียงดูแลความเรียบร้อยภายในอาคารเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศของการอยู่อาศัยที่ดี ผ่านการดูแลที่ใส่ใจเหมือนคนในครอบครัว การจัดกิจกรรมต่างๆ จนถึงการปลูกผักเพื่อนำผลผลิตมาแบ่งปันสู่ลูกบ้าน สิ่งเหล่านี้ล้วนประกอบสร้างให้การอยู่อาศัยในคอนโดไม่น่าเบื่อ และนับเป็นสิ่งที่ทีมงาน Plus Living Management ได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด จนเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้การอยู่อาศัยภายในการดูแลของ Plus Property มีความแตกต่างและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัยในทำเลแบบไหนก็ตาม Supply ที่ล้นตลาด ในเวลานี้ จะรู้ได้อย่างไรว่าคอนโดที่เราเลือก จะใช่เราจริงๆ? แม้ว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาดโควิด-19…

9 วิธีเขียนสัญญาเช่าบ้านและคอนโดให้รัดกุม พร้อมตัวอย่างดาวน์โหลดฟรี

เมื่อจะปล่อยเช่าคอนโด ปล่อยเช่าบ้าน สักห้องการมีสัญญาเช่าที่ดี ชัดเจนและรัดกุม เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมาก เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตามมา ดังนั้นเจ้าของควรเขียนสัญญาเช่าให้ครอบคลุมเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ติดตามได้ที่นี่ สัญญาเช่า หรือ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Lease agreement, Rental agreement เป็นสัญญาที่ผู้เป็นเจ้าของให้ผู้เช่าได้ใช้สินทรัพย์ของตน เช่น การเช่าที่ดิน การเช่าคอนโดอาคารชุด การเช่าบ้าน สัญญาเช่าเป็นสัญญาทางกฎหมายและบังคับใช้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องภายใต้เงื่อนไขกฎของสัญญา สัญญาเช่าแบบเฉพาะเจาะจง อาจจะมีคำสั่งที่เฉพาะเจาะจงในเรื่องนั้นๆ ขึ้นอยู่กับชนิด และประเภทของสัญญาเช่าที่คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายได้กระทำขึ้น สำหรับผู้ที่ชอบการสร้างรายได้ในระยะยาว แน่นอนว่าการปล่อยเช่าคอนโด เช่าบ้าน เป็นรูปแบบการลงทุนที่ตอบโจทย์และยังมีรายรับจากค่าเช่านำไปช่วยผ่อนชำระ ลดภาระค่าใช้จ่าย และในระยะยาวที่หมดภาระเงินกู้ยืมแล้วก็ถือเป็น Passive Income ที่เป็นรายได้ต่อเนื่องอีกทางหนึ่งด้วย สมัยก่อนเราเรียกว่าการลงทุนแบบเก็บค่าเช่านี้เป็นการลงทุนแบบเสือนอนกิน แต่ปัจจุบันจะเป็นเสือนอนกินอย่างเดียวอาจไม่สำเร็จ เนื่องจากปัจจุบันผู้เช่าเองก็ศึกษาหาความรู้ มีการเปรียบเทียบข้อมูล ฉะนั้น นักลงทุนควรศึกษาตลาดและเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแบบเจาะลึก เพื่อให้ได้กำไรและผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และยังต้องตั้งรับปัญหาและเหตุการณ์ต่างๆ ไว้อย่างรัดกุมหลังจากปล่อยเช่าไปแล้ว เพราะก็มีบางกรณีที่ผู้เช่าอาจไม่น่ารักทุกราย ดังนั้นการมีสัญญาเช่าที่ดี เป็นสัญญาเช่าที่รัดกุม และเป็นสัญญาเช่าที่รักษาผลประโยชน์ให้ทั้งฝั่งผู้เช่า และผู้ให้เช่า จะเป็นตัวช่วยสำคัญของการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นได้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะเป็น ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ (Brokerage Service) ซื้อ ขาย เช่า จากทีมงานมืออาชีพ ที่ช่วยดูแลทั้งผู้เช่า เจ้าของ ครบ จบ ทุกขั้นตอน ขอแบ่งปันฮาวทู 9 วิธีการเขียนสัญญาเช่าบ้าน และสัญญาเช่าคอนโดให้รัดกุมมาบอกกัน เตรียมจดและทำตามกันได้เลย 1. ระบุรายละเอียดการจัดทำสัญญาเช่า ต้องมีการระบุวันที่ และสถานที่ในการจัดทำสัญญาเช่า เพราะหากไม่มีการระบุวันที่เริ่มต้นสัญญาเช่าก็จะถือว่าไม่มีผลบังคับใช้ และถือเป็นโมฆะ 2. ระบุรายละเอียดของผู้เช่า และผู้ให้เช่า ต้องระบุข้อมูลของผู้เช่า และผู้ให้เช่า ให้ชัดเจน เช่น ชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประจำตัวประชาชน และจะต้องแนบสำเนาบัตรประชาชนของคู่สัญญาในสัญญาเช่าฉบับนี้ด้วย 3. ระบุรายละเอียดของสินทรัพย์ที่ให้เช่า จำเป็นต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าเป็นสินทรัพย์แบบใด เลขที่ตั้ง เลขที่บ้าน เนื้อที่ นอกจากนี้หากเป็นการให้เช่าพร้อมข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็จำเป็นจะต้องระบุในครบถ้วนเช่นกัน 4. รายละเอียดระยะเวลาการเช่า กำหนดระยะเวลาการเช่าให้ชัดเจนว่าสามารถเข้าอยู่อาศัยได้เป็นระยะเวลานานเท่าใด และจะมีการแจ้งต่อสัญญาล่วงหน้าเมื่อใด รวมทั้งการแจ้งยกเลิกการเช่าที่ต้องแจ้งล่วงหน้าให้กับผู้เช่าด้วย 5. ราคาค่าเช่า เงินประกัน เงื่อนไขการจ่ายค่าเช่า และวิธีการชำระค่าเช่า จำเป็นจะต้องแจ้งราคาค่าเช่าของสินทรัพย์ กำหนดวันชำระค่าเช่า และวิธีการชำระให้แน่ชัด หากมีการชำระเงินแบบมัดจำ หรือการชำระค่าเช่าล่วงหน้า ก็จะต้องระบุวันที่ในการชำระส่วนที่เหลือให้ครบถ้วน รวมถึงระบุเงินประกันความเสียหายสำหรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น คีย์การ์ดหาย กุญแจหาย ห้องชำรุดเสียหาย บิลค่าใช้จ่ายต่างๆ 6. เงื่อนไขและรายละเอียดอื่นๆ ตามตกลง อาจมีการตกลงกันระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าที่ห้ามนำไปให้บุคคลอื่นเช่าต่อในระยะเวลาสัญญาเพื่อป้องกันการนำสินทรัพย์ไปเช่าช่วง…